แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีนี้โดยใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานว่าจำเลยทั้งสองมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ข้อกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งที่ยกมาประกอบการใช้ดุลพินิจมิใช่เป็นข้อกฎหมายที่จะทำให้คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคแรก ประกอบกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31 ไม่รับอุทธรณ์
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์โจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยทั้งสองต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน ซึ่งมีผลผูกพันระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ศาลแรงงานกลางได้ส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้ว (อันดับ 64 แผ่นที่ 2)
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ใช้เงินคนละ39,803.25 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2524 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาเฉพาะประเด็นข้อ 3 แล้วมีคำพิพากษาใหม่
ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาใหม่แล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 61)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 63)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่มีคำสั่งหรือระเบียบที่ให้พนักงานการเงินนำเงินค่าโดยสารที่ได้รับจากพนักงานเก็บค่าโดยสารส่งมอบให้จำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2ในกรณีที่จำเลยที่ 1 ไม่อยู่ นำไปเก็บในตู้เซฟ ที่โจทก์อุทธรณ์ว่ามีระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานคือใบสมัครงานตามเอกสารหมาย จ.21, จ.22 จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ให้ยกคำร้อง