แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าฎีกาของโจทก์เป็นการโต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานเป็นปัญหา ข้อเท็จจริง และราคาทรัพย์สินที่พิพาทไม่เกิน 200,000 บาทต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ในข้อ 2.ข. ซึ่งโจทก์ได้สรุป ความว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทจึงได้รับข้อสันนิษฐาน ตามกฎหมายว่าโจทก์ครอบครองเพื่อตน แต่ปรากฎว่าจำเลยนำสืบ แสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่ได้ ครอบครองเพื่อตน ข้อนำสืบของจำเลยจึงขัดต่อความสงบเรียบร้อย ของประชาชน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบ เรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ได้ส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยแล้ว (อันดับ 90)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนน.ส. 3 เลขที่ บร.797เล่ม25หน้าสำรวจ82ตำบลโคกสอาดอำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 79)
โจทก์ จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 83)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ฎีกาของโจทก์ ในข้อ 2.ข ที่อ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แท้จริงแล้วเป็นการ โต้แย้งการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ อันเป็นปัญหา ข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทมาตราดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้น ไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง