แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยในปัญหาฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนฎีกาในเรื่องอื่น ๆ เป็นปัญหาในข้อเท็จจริง คดีนี้ เป็นคดีฟ้องขับไล่ออกจากอสังหาริมทรัพย์ ศาลชั้นต้นและ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 4,000 บาท ถือว่าอสังหาริมทรัพย์อาจให้เช่าได้ในขณะยื่นฟ้อง เดือนละ 4,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงให้ รับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในเรื่องอื่น ๆ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากบ้าน เลขที่ 425/20-21 ซอยวัฒนวงศ์ถนนราชปรารถแขวงมักกะสันเขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 8,000 บาทและค่าเสียหายอีกเดือนละ 4,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากบ้านพิพาท ให้จำเลยชำระดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 8,000 บาท นับแต่ วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาบางข้อ (อันดับ 87)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 91)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่บุคคลออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงตรงกันว่า นายเสริม โกมลเสนเป็นผู้ทำสัญญาเช่าบ้านพิพาทของโจทก์ ส่วนจำเลยเข้าอยู่ในบ้านพิพาท โดยละเมิด ที่จำเลยฎีกาว่านางทิพาพร จงเจริญ บุตรจำเลยเป็นผู้เช่าบ้านพิพาทของโจทก์จึงเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหา ข้อเท็จจริง และที่จำเลยฎีกาว่าคำสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้น เป็นการไม่ชอบ ก็เป็นฎีกาที่โต้แย้งดุลพินิจของศาลอันเป็น ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ข้างต้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยในส่วนที่กล่าว มาจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ