แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้ โจทก์และจำเลยทั้งห้าสามารถตกลงประนีประนอมยอมความกันได้ โจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีอาญากับจำเลยทั้งห้าอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องของโจทก์เสีย โปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยทั้งห้าแถลงท้ายคำร้องว่าไม่คัดค้านการขอถอนฟ้อง (อันดับ 54)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์มีมูลเฉพาะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ไม่มีมูลให้ประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อ 2.4 ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนฎีกาข้อ 2.1 ข้อ 2.2 ข้อ 2.3 ข้อ 2.5 และข้อ 2.6เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงไม่รับ (อันดับ 37)
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง (อันดับ 40)
ศาลฎีกาสั่งว่าฎีกาของโจทก์ดังกล่าวเป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง(อันดับ 53)
คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 54)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้เป็นความผิดอันยอมความได้ การถอนฟ้องย่อมกระทำได้ก่อนคดีถึงที่สุด และจำเลยทั้ง 5 แถลงไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ