คำสั่งคำร้องที่ 1172/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายควรที่ศาลฎีกาจะได้พิจารณาว่า การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับฟังเป็นยุติแล้วนั้น เป็นการกระทำโดยเจตนาอันประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลในการกระทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 หรือไม่ฎีกาของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 53)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ. 2482มาตรา 22,64 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษ ความผิดต่อเจ้าพนักงานปรับ 900 บาท ความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดปรับ 900 บาทรวมปรับ 1,800 บาท คำให้การรับสารภาพชั้นมอบตัวและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามคงปรับ1,200 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29,30 ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนดเวลา 4 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ. 2482 มาตรา 22,64 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ปรับ 900 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 52)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 53)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ข้อที่จำเลยฎีกาว่า แม้จำเลยสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดไว้สองเขต อันเป็นการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดเกินกว่าเขตเดียวในการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดครั้งเดียวกัน ต้องห้ามตามกฎหมายก็ตามแต่ภายหลังจำเลยได้ถอนใบสมัครที่สมัครในครั้งหลังออกแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดเพราะไม่มีเจตนา นั้น เป็นการโต้เถียงว่าจำเลยกระทำอย่างไรบ้างที่จำเลยอ้างว่า ไม่มีเจตนา เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share