แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทฎีกาของจำเลย ล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไข ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำนวน153,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่ วันที่ 9 มีนาคม 2532 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่า เสียหายแก่โจทก์เพิ่มอีก 10,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็น ไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 67)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้โดยไม่นำค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งศาลฎีกาสั่ง (อันดับ 69,70)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ฎีกาของจำเลยข้อ 2.1 และ ข้อ 2.2 แม้จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายแต่ก็มิได้เป็นข้อที่ได้ยกว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งมิได้ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ส่วนฎีกาข้อ 3 เป็นฎีกาดุลพินิจของศาลในการกำหนดเบี้ยปรับ ให้จำเลยชำระให้แก่โจทก์ จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ประกอบด้วย มาตรา 249 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง