คำสั่งคำร้องที่ 114/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงมีคำสั่งไม่รับโจทก์เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียว จึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ฎีกาของโจทก์ล้วนเป็นข้อกฎหมาย โปรดพิจารณาฎีกาของโจทก์เฉพาะข้อกฎหมายหมายเหตุ ทนายจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และทนายจำเลยที่ 4ถึงที่ 6 ต่างแถลงคัดค้าน (อันดับ 64,64 แผ่นที่ 3)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136,157,164,165,83,86 และ 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 59)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 61)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136และมาตรา 165 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ จำเลยไม่อาจฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อไป เพราะคดีทั้งสองข้อหาเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว
สำหรับฟ้องโจทก์ที่หาว่า จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4และจำเลยที่ 5 ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบกลั่นแกล้งโจทก์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้น โจทก์ฎีกาว่า จำเลยดังกล่าวมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220ส่วนฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ในข้อหานำความลับไปเปิดเผยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 164 นั้น ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยอาศัยข้อกฎหมายว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 มิใช่ผู้นำไปเปิดเผย ฎีกาโจทก์เฉพาะข้อหานี้จึงไม่ต้องห้าม ให้รับฎีกาเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 164 ไว้ดำเนินการต่อไป

Share