แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็น ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน คดีต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จึงไม่รับ ฎีกาของจำเลย จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ให้การรับสารภาพมาแต่เริ่มแรกและโจทก์จำเลยไม่มีการสืบพยาน จึงไม่มีข้อเท็จจริงใด ๆปรากฏในสำนวน นอกจากคำบรรยายฟ้องขอโจทก์ แต่ฎีกาของจำเลย ได้บรรยายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเข้ามาเพื่อขอความเห็นใจ และเป็นข้อวินิจฉัยเพื่อศาลฎีกาจะได้พิจารณารอการลงโทษ จำเลย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 33) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5,6,10,12,15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้ามือ จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษ ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าของกลาง มีเป็นจำนวนมาก ไม่สมควรรอการลงโทษ ของกลางให้ริบ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 30) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 31)
คำสั่ง เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาโต้แย้ง เกี่ยวกับดุลพินิจของศาลว่าสมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง