คำสั่งคำร้องที่ 1118/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานเป็นฎีกา ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง จึงไม่รับฎีกา
โจทก์ เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ได้รับยกเว้นให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง โปรดมีคำสั่งให้รับ ฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าจำเลยทั้งสองได้รับสำเนา คำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองพร้อมบริวารออกจาก ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เล่มที่ 23 หน้า 41 ตำบล(สว่าง) มะฮึอำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่ง ต่อปีจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จและชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 1,500 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสอง และบริวารจะออกจากที่ดินของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 103)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 107)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์จำเลยทั้งสองกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้าม มิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้น ไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share