แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า เนื่องจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นคำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ถึงที่สุด คดีต้องห้ามฎีกาคำสั่ง จึงไม่รับฎีกาคำสั่ง
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดี อย่างคนอนาถา ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืน จำเลยย่อมฎีกาต่อศาลฎีกาได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาคำสั่งของจำเลยและอนุญาต ให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 105 แผ่นที่ 3)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,340,590.97 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 1,000,000 บาทนับถัดจากวันฟ้อง (วันฟ้องวันที่ 14 มกราคม 2531) จนกว่า จะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่มีน้ำหนักพอฟังว่าจำเลยเป็นคนจากจนไม่มีเงินเสียค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง ให้จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์มาวางต่อศาลภายใน 15 วันมิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 สั่งว่า ตามทางไต่สวนข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนถึงกับไม่มีทรัพย์สินพอจะเสีย ค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย หากจำเลยยังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน กำหนด 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งนี้ (อันดับ 94)
จำเลยฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 99)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 101)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์ อย่างคนอนาถา คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ย่อมเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย ให้ยกคำร้อง