แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ส่วนปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยนั้นไม่เป็นสาระอันควรได้รับวินิจฉัย จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่า หนังสือมอบอำนาจให้ร้องทุกข์ตามเอกสารหมาย จ.7 ปิดอากรแสตมป์เพียง 10 บาทชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่ ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากฟ้อง ศาลจะพิพากษายกฟ้องหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายสมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 51)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก 1 ปี
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 50)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 51)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่า หนังสือมอบอำนาจให้ร้องทุกข์ปิดอากรแสตมป์เพียง 10 บาท ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และโจทก์จะมีอำนาจฟ้องหรือไม่ นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมา ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แม้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระ แก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ส่วนฎีกาในข้อที่ว่า ศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องเพราะข้อเท็จจริงในทางพิจารณา แตกต่างจากฟ้อง นั้น เป็นการโต้เถียงการวินิจฉัยพยานหลักฐาน ของศาลอุทธรณ์ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง