แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ที่แก้ไขแล้ว จึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมาย อนึ่งแม้เป็นปัญหาข้อเท็จจริงตามกฎหมายใหม่ก็ไม่มีผลย้อนหลังคดีนี้ซึ่งฟ้องก่อนที่จะแก้ไขด้วย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 96-98)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าที่ดินโฉนดเลขที่17528 เลขที่ดิน 103 ตั้งอยู่ที่ตำบลสะบารัง อำเภอเมืองจังหวัดปัตตานี เนื้อที่ดินประมาณ 986/10 ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และห้ามจำเลย เข้าเกี่ยวข้องในที่ดินอย่างเด็ดขาด และขอศาลพิพากษาบังคับ ให้จำเลยไปทำการโอนที่ดินเปลี่ยนชื่อในโฉนดเป็นชื่อโจทก์ หากจำเลยไม่ไปขอให้ถือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา ของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 87)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ พร้อมกับยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา มาอีก 1 ฉบับ (อันดับ 90,91)
คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นมรดกของนางหะยีเจ๊ะรอเมาะซารีส มารดาโจทก์จำเลยนางหะยีเจ๊ะรอเมาะมิได้ยกที่พิพาทให้โจทก์ก่อนตายแม้โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทเกิน 10 ปี ก็ถือได้ว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของนางหะยีเจ๊ะรอเมาะ โจทก์ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท โจทก์ฎีกาว่าที่พิพาทไม่เป็นมรดกของนางหะยีเจ๊ะรอเมาะเพราะโจทก์ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์ก่อนนางหะยีเจ๊ะรอเมาะตายจึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ราคาทรัพย์สินที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกที่แก้ไขใหม่ ซึ่งมีผลบังคับก่อนโจทก์ยื่นฎีกา คู่ความจะฎีกาได้หรือไม่เพียงใด ต้องพิเคราะห์ตามบทกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะยื่นฎีกา ฎีกาของโจทก์จึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์นั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง