แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนิน อย่างคนอนาถาในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วฟังไม่ได้ ว่าจำเลยเป็นคนยากจนถึงขนาดไม่มีเงินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียม ศาลให้ยกคำร้อง ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน
จำเลยเห็นว่า ขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายจำเลยมีทรัพย์สินอยู่ศาลจึงได้พิพากษายกฟ้อง แต่ขณะที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้จำเลยเป็นบุคคลยากจนลงมีสิทธิที่จะขอ ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้ และจำเลยเบิกความเป็นพยาน อย่างชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นบุคคลยากจน ทั้งไม่มีญาติพี่น้อง พอที่จะให้หยิบยืมเงินมาเสียค่าฤชาธรรมเนียมศาลได้ โปรดมี คำสั่งอนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 103 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวน 250,000 บาท นับแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2531 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ โจทก์ แต่ดอกเบี้ยส่วนที่นับถึงวันฟ้องต้องไม่เกินเงินจำนวน 18,125 บาทศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้น ฎีกา ศาลชั้นต้นไต่ส่วนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว (อันดับ 80,79,99)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 101)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ตามทางไต่สวนข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยเป็นคนยากจนถึงกับไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียม ชั้นฎีกาได้ ที่ศาลชั้นต้นมี คำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกาอย่าง คนอนาถานั้น ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย หากจำเลยยังติดใจฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ก็ให้จำเลย นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่งนี้