คำสั่งคำร้องที่ 108/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนไม่อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลลงโทษจำคุกค่อนข้างสูง และฎีกาของจำเลยได้อ้างอิงพยานหลักฐานในเรื่องเวลา พฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง และพยานแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นสาระสำคัญแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา ทั้งกฎหมายยังเปิดโอกาสให้จำเลยต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว ไม่คัดค้าน (อันดับ 76)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 69 แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 76)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีเรื่องนี้เป็นคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 เมื่อปรากฏว่าผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิยื่นฎีกาได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลยนั้นชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share