แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาคดีอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 4 จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือนเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกจำเลย6 เดือน เป็นการพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 จำคุก 1 เดือน คดีไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดมาก่อนเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนดหกเดือนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 90)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 97)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย1 เดือน และให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลย 6 เดือน คงพิพากษาลงโทษจำเลยไม่เกิน 1 ปีศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นฎีกาจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วยกคำร้อง