แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลฎีกาอาจวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองได้ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ต่างได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 132,134)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ขับไล่จำเลยพร้อมบริวารออกจากที่พิพาท ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่พิพาทแล้วส่งที่พิพาทคืนโจทก์ ให้จำเลยชำระเงิน 51,800 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่เดือนพฤศจิกายน 2519จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่พิพาท ให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายเดือนละ 700 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องตลอดไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่พิพาท
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 125,124)
จำเลยได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ โดยจำเลยนำเงินสดจำนวน 30,000 บาท และนายอภินันท์อ่อนน้อมนำโฉนดที่ดินของตนจำนวน 2 ฉบับ ราคาประเมินที่ดิน 60,000 บาทเข้าทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลชั้นต้นจนกว่าคดีถึงที่สุด(อันดับ 87,97)
ตามคำร้องและบัญชีทรัพย์ (อันดับ 89,90) ว่าเงินสด30,000 บาท และที่ดินตามโฉนดหลักประกันทั้งสองฉบับเป็นของนายอภินันท์อ่อนน้อม ที่ดินตามโฉนดหลักประกันสองฉบับราคารวม 30,000 บาท มิใช่ราคา 60,000 บาท ตามที่ปรากฏในหนังสือสัญญาค้ำประกัน นอกจากนั้นตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 24 เมษายน 2527(อันดับ 95) ว่าหลักทรัพย์และเงินสดของนายอภินันท์
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าผู้ร้องหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พร้อมดอกเบี้ยนับถึงวันฟัง คำสั่งนี้และค่าเสียหายเดือนละ 700 บาท เป็นเวลา 7 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด โดยให้ศาลชั้นต้นเรียกหลักประกันเพิ่มและทำหนังสือสัญญาค้ำประกันเสียใหม่ ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง