แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ในส่วนที่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2874/2527 ส่วนฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายนั้น ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินกว่า 50,000 บาทและเป็นคดีฟ้องขับไล่ซึ่งในขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้เกินกว่าเดือนละ 5,000 บาท จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงคำพิพากษาฎีกาที่ 2874/2527 ข้อเท็จจริงต่างกับคดีนี้ ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การกำหนดประเด็นแห่งคดีไม่ถูกต้อง จำเลยชำระหนี้ด้วยเช็ค เมื่อปรากฏว่ายังไม่มีการชำระเงินตามเช็คจะถือว่าจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์โดยชอบไม่ได้ เพราะมูลหนี้ตามเช็คซึ่งเป็นค่าเช่าห้องพิพาทยังไม่ระงับและการที่จำเลยนำค่าเช่าเพียง2 งวดเดือนไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์นั้น เป็นการวางทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่ครบจำนวน ข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาเป็นสาระแก่คดีทั้งสิ้น หากศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิบอกปัดไม่รับชำระหนี้ได้ จำเลยกระทำโดยไม่สุจริต การชำระหนี้ด้วยเช็คที่ไม่มีการชำระเงินตามเช็ค ไม่ทำให้หนี้ระงับการวางทรัพย์ไม่ชอบเช่นนี้ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาและพิพากษากลับนอกจากนั้น ประเด็นที่จำเลยเดินท่อประปาเข้าไปในห้องพิพาทโดยพลการเป็นการผิดสัญญาหรือไม่ และเป็นอันตรายหรือไม่นั้น โจทก์เห็นว่าเป็นข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญแก่คดี เพราะหากศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการผิดสัญญา ก็ย่อมพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีซึ่งปัญหาข้อนี้โจทก์ได้ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกประเด็น เพราะจำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว โดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาล (อันดับ 110 แผ่นที่ 6)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารเลขที่ 409ถนนเยาวราชแขวงสัมพันธวงศ์เขตสัมพันธวงศ์กรุงเทพมหานคร ให้ส่งมอบอาคารในสภาพเรียบร้อยแก่โจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับอาคารดังกล่าวต่อไป ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง 10 เดือน เป็นเงิน 20,000 บาทแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 710 บาทและดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 45,000 บาท นับแต่วันเลิกสัญญาจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 45,000 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกสัญญาจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 45,000 บาทแก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทและส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์เสร็จสิ้นพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 105)
ทนายโจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 109)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากทรัพย์ที่เช่าพร้อมทั้งเรียกค่าเช่าที่ค้าง 20,000 บาท กับดอกเบี้ยค่าเช่า710 บาท ทั้งเรียกค่าเสียหายถึงวันฟ้องอีก 45,000 บาท รวมเป็นทุนทรัพย์ 65,710 บาท จึงมีทุนทรัพย์เกิน 50,000 บาท ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาข้อกฎหมายของโจทก์ก็เป็นสาระแก่คดีจึงให้รับฎีกาของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป และให้คืนค่าธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นเรียกเกินมา 160 บาทแก่โจทก์