แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 วรรคแรก จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในสำนวนและวินิจฉัยข้อกฎหมายไม่ถูกต้องฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 26)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371,91 เรียงกระทงลงโทษ ฐานมี อาวุธปืนและกระสุนปืน จำคุก 2 ปี ฐานพาอาวุธปืนและกระสุนปืนลงโทษบทหนักตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำคุก 1 ปี รวมจำคุก3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก1 ปี 6 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 23)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 26)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกจำเลยฎีกาว่าศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐาน ในสำนวนและวินิจฉัยข้อกฎหมายไม่ถูกต้องนั้นเห็นว่าศาลล่าง ทั้งสองมิได้ฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากพยานหลักฐานในสำนวนและ ฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องที่บิดเบือนข้อเท็จจริงที่ศาลล่าง ทั้งสองวินิจฉัยเพื่อให้เป็นข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ที่ศาลชั้นต้น สั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ยกคำร้อง