คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร กระทำอนาจาร ข่มขืนใจผู้อื่น และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 281, 284, 309และ 310 กับฐานมีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 และ 72 ทวิ รวม 3 กระทง เรียงกระทงลงโทษ กระทงละไม่เกิน 5 ปี โดยเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 281, 284, 309, 310 เป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 284 ซึ่งเป็นบทหนัก คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยอุทธรณ์และอ้างว่า ผู้เสียหายยื่นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์สำหรับความผิดต่อส่วนตัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 แล้ว ซึ่งถ้าเป็นความจริง โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดดังกล่าว แต่โจทก์มิได้รับรองว่าเป็นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายที่แท้จริง ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามผู้เสียหายเพื่อให้ยืนยันคำแถลงดังกล่าว จึงเป็นการมิชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซองสั้นไม่มีเครื่องหมายทะเบียนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านและถนนสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกระทำอนาจารผู้เสียหายต่อหน้าธารกำนัลโดยร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวขู่เข็ญและข่มขืนใจผู้เสียหายให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกาย แล้วร่วมกันใช้กำลังฉุด ลาก จับมือ รัดคอ และช่วยกันอุ้มพาตัวผู้เสียหายไปจากบริเวณถนนสาธารณะเพื่อการอนาจาร ผู้เสียหายอยู่ในภาวะไม่สามารถจะขัดขืนได้ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายต้องถูกหน่วงเหนี่ยว ถูกกักขัง ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ที่แก้ไขแล้ว ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘, ๒๘๑, ๒๘๔, ๓๐๙, ๓๑๐, ๙๐, ๙๑, ๘๓ ที่แก้ไขแล้ว
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘, ๒๘๑, ๒๘๔, ๓๐๙, ๓๑๐ เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๔ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกคนละ ๑ ปี และผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ลงโทษตามมาตรา ๗, ๗๒ จำคุกคนละ ๑ปี ตามมาตรา ๘ ทวิ, ๗๒ ทวิ ปรับคนละ ๑,๐๐๐ บาท รวมจำคุกคนละ ๒ ปี และปรับคนละ ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาโดยลงโทษจำคุกจำเลยเรียงกระทงกระทงละไม่เกิน ๕ ปี โดยเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๘, ๒๘๑, ๒๘๔, ๓๐๙, ๓๑๐ เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา ๒๘๔ ซึ่งเป็นบทหนัก คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๘ ส่วนปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ผู้เสียหายได้ยื่นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์สำหรับความผิดต่อส่วนตัวตามมาตรา ๒๘๔ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสองตามบทมาตรานี้ได้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์ดังกล่าวเป็นข้อกล่าวอ้างของจำเลย ซึ่งถ้าเป็นความจริงโจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในบทบัญญัติมาตรา ๒๘๔ ต่อไป แต่โจทก์มิได้รับรองว่าเป็นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายที่แท้จริง และศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามผู้เสียหายว่าเป็นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์ที่แท้จริงของผู้เสียหายหรือไม่ จึงไม่ชอบ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share