แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีที่ผู้ฟ้องคดีเป็นเอกชน ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๑ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปักธงชัย ที่ ๒ นายอำเภอปักธงชัย ที่ ๖ ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ องค์การบริหารส่วนตำบลสำโรง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ และที่ ๔ ซึ่งเป็นเอกชนด้วยกัน ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ ๖๓๔๖๑ ซึ่งปัจจุบันมีชื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ โดยที่ดินดังกล่าวแบ่งแยกมาจากโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๕๕๘๑ ที่ออกสืบเนื่องจากหลักฐาน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๕๑๗ โดยผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างว่าโฉนดที่ดินเลขที่ ๖๓๔๖๑ ออกทับทางสาธารณะหรือที่สาธารณประโยชน์ ซึ่งผู้ฟ้องคดีครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องมาจากมารดา จึงเป็นการออกโฉนดที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๕ และที่ ๖ ให้การทำนองเดียวกันว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ การออกเอกสารสิทธิในที่ดินชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้ออกทับทางสาธารณะหรือที่สาธารณประโยชน์ จึงไม่มีเหตุให้เพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดิน เห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ฟ้องคดีจะตั้งรูปเรื่องตามคำฟ้องว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันออกโฉนดที่ดินพิพาทโดยไม่ชอบกฎหมาย เนื่องจากทับที่สาธารณประโยชน์ และมีคำขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว แต่เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์ของผู้ฟ้องคดีที่นำคดีมาฟ้องก็เพื่อให้ศาลคุ้มครองและรับรองสิทธิของผู้ฟ้องคดีในการใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาท ซึ่งผู้ฟ้องคดีอ้างว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่ผู้ฟ้องคดีครอบครองต่อเนื่องอยู่ก่อน แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๕ และที่ ๖ ยืนยันว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ข้อพิพาทในคดีนี้ จึงเป็นปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินพิพาทว่า เป็นที่สาธารณประโยชน์หรือเป็นที่ดินของผู้มีชื่อในโฉนดที่ดิน ส่วนคำขอที่ให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาท เป็นเพียงผลต่อเนื่องในการวินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเท่านั้น เมื่อการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินซึ่งเป็นสิทธิในทางทรัพย์สินของบุคคล เป็นคดีพิพาทที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม