คำวินิจฉัยที่ 49/2553

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

ไม่มีย่อสั้น

ย่อยาว

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๔๙/๒๕๕๓

วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๓

เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑)

ศาลจังหวัดนครนายก
ระหว่าง
ศาลปกครองกลาง

การส่งเรื่องต่อคระกรรมการ
ศาลจังหวัดนครนายกโดยสำนักงานศาลยุติธรรมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดี และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น

ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ นายสว่าง แสวงทรัพย์ ที่ ๑ ในฐานะส่วนตัว, ในฐานะทายาทโดยธรรมของนางเปี่ยม แสวงทรัพย์ มารดา นายชวลิต แสวงทรัพย์ ที่ ๒ นางสาวสงวนศรี เจตธำรง ที่ ๓ นางสาวสุภาพร กอธนะกุล ที่ ๔ นางสนิท กัณหา ที่ ๕ นางทรงศรี จัดพล ที่ ๖ นายคำนึง แสวงทรัพย์ ที่ ๗ นางสมนึก ใจยงค์ ที่ ๘ โจทก์ ยื่นฟ้องกรมที่ดิน จำเลย ต่อศาลจังหวัดนครนายก เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๔๙๖/๒๕๕๑ ความว่า โจทก์ทั้งแปดเป็นผู้มีชื่อถือสิทธิครอบครองที่ดินร่วมกันตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ หมู่ที่ ๓ ตำบลหนองแสง อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก เนื้อที่ ๙๐ ไร่ ๑ งาน ๖๗ ตารางวา ได้มาโดยการรับมรดกมาจากนายอุดม แสวงทรัพย์ เมื่อปี ๒๕๓๕ ซึ่งนายอุดมซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว มาจากผู้มีชื่อและเข้าจับจองด้วยตนเองบางส่วน นายอุดม นางเปี่ยม และนายเสนีย์ แสวงทรัพย์ เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตลอดมา และขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินแปลงนี้ไว้ เมื่อนายอุดมถึงแก่ความตายโจทก์ทั้งแปดเข้าครอบครองทำประโยชน์และขอออกโฉนดที่ดิน แต่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแสงคัดค้านอ้างว่า ที่ดินของโจทก์ทั้งแปดบางส่วนอยู่ในเขตที่ดินสาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้า ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งแปดได้ ต่อมาจำเลยมีคำสั่งที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ ให้แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ ของโจทก์ทั้งแปดจากเนื้อที่เดิมจำนวน ๗๐ ไร่ ๑ งาน ๖๘ ตารางวา เป็น ๓๗ ไร่ ๑ งาน ๖ ตารางวา และจะมีการนำที่ดินส่วนของโจทก์ทั้งแปดจำนวนเนื้อที่ ๕๘ ไร่ ๑๓ ตารางวา ไปรวมเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้า ที่ดินสาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้าขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๙๓ หลังจากนายอุดมเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว ขอให้พิพากษาว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ หมู่ที่ ๓ ตำบลหนองแสง อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก เนื้อที่ ๗๐ ไร่ ๑ งาน ๖๘ ตารางวา จำเลยออกให้แก่โจทก์ทั้งแปดโดยชอบและโจทก์ทั้งแปดมีสิทธิครอบครองในที่ดินแปลงดังกล่าวเต็มเนื้อที่ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ที่ดินจำนวน ๕๘ ไร่ ๑๓ ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินส่วนที่จำเลยมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงรูปที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ เป็นของโจทก์ทั้งแปด ให้จำเลยเพิกถอนคำสั่งที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ เรื่องการแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) และให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งแปดตามจำนวนเนื้อที่ที่โจทก์ทั้งแปดได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘
จำเลยให้การว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ ของโจทก์ทั้งแปดออกทับที่ดินสาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้า อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน คณะกรรมการอำเภอปากพลีสงวนหวงห้ามไว้ตั้งแต่ปี ๒๔๖๙ โจทก์ทั้งแปดไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ภายหลังจังหวัดนครนายกมีคำสั่งที่ ๑๑๔/๒๕๔๓ แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสิทธิในที่ดิน ซึ่งคณะกรรมการมีความเห็นว่าที่ดินพิพาทส่วนที่คัดค้านเนื้อที่ ๕๘ ไร่ ๑๓ ตารางวา เป็นที่สาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้า ให้แก้ไขหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ โจทก์ที่ ๑ จึงยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดินกับพวกเป็นคดีต่อศาลปกครองกลาง โดยศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง เพราะเห็นว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ บางส่วนเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของที่ดินสาธารณประโยชน์ “ดอนป่าเป้า” การที่อธิบดีกรมที่ดินไม่ออกโฉนดให้จึงไม่เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรแต่อย่างใด ต่อมาที่ประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินรัฐ (กบร.จังหวัดนครนายก) มีมติเห็นชอบให้เพิกถอนหนังสือ รับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ บางส่วนเนื้อที่ ๕๘ ไร่ ๑๓ งาน เนื่องจากเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) โดยคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย และรองอธิบดีกรมที่ดินพิจารณาแล้วเห็นว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ ได้ออกทับที่สาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้า ซึ่งประกาศหวงห้ามไว้ตั้งแต่ปี ๒๔๖๙ จำเลยมีคำสั่งที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ ให้แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ ตามมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน อันเป็นคำสั่งที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า จำเลยเป็นหน่วยงานทางปกครอง การที่โจทก์กล่าว อ้างว่า คำสั่งของจำเลยที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ เรื่องแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งแปด ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลย เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานของรัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ศาลจังหวัดนครนายกพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์ทั้งแปดฟ้องว่า โจทก์ทั้งแปดเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินร่วมกัน ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ โดยการรับมรดกและเข้าครอบครองทำประโยชน์ตลอดมาต่อจากเจ้าของที่ดินเดิม ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ ดังกล่าวมิได้ออกทับที่ดินสาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้า การที่จำเลยออกคำสั่งที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ เรื่องการแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เป็นไปโดยไม่ชอบ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ จำเลยออกให้แก่โจทก์โดยชอบ และโจทก์ทั้งแปดมีสิทธิครอบครองเต็มเนื้อที่รวมทั้งที่ดินพิพาทส่วนที่จำเลยมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ด้วย และให้เพิกถอนคำสั่งที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ ของจำเลย จำเลยให้การว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ ดังกล่าวของโจทก์ทั้งแปดออกโดยไม่ชอบ มีบางส่วนทับที่ดินสาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้า คำสั่งที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ ของจำเลยเป็นไปโดยถูกต้องตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ดังนั้น การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งแปดได้ ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทในคดีนี้โจทก์ทั้งแปดเป็นผู้มีสิทธิครอบครองหรือเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามที่จำเลยโต้แย้ง อันเป็นประเด็นสำคัญ แล้วถึงจะพิจารณาในประเด็นต่อไปว่าการออกคำสั่งที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ เป็นไปโดยถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินหรือไม่ จึงเป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีพิพาทมูลเหตุการฟ้องคดีนี้ เมื่อราวปี ๒๕๔๗ ผู้ฟ้องคดี (โจทก์ที่ ๑) ได้นำกรณีพิพาทมาฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๑ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ที่ ๒ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครนายก ที่ ๓ นายอำเภอปากพลี ที่ ๔ และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแสง ที่ ๕ ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๑๓๕๓/๒๕๔๗ โดยฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีกับญาติพี่น้องรวม ๙ คน ประกอบด้วย นายชวลิต แสวงทรัพย์ นางสาวสงวนศรี เจตธำรง นางเสนีย์ แสวงทรัพย์ นางสนิท กัณหา นางทรงศรี จัดพล นายคำนึง แสวงทรัพย์ นางเปี่ยม แสวงทรัพย์ และนางสมนึก ใจยงค์ เป็นเจ้าของที่ดินแปลง น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ จำนวนเนื้อที่จริงทั้งแปลงประมาณ ๙๐ ไร่ ๑ งาน ๖๗ ตารางวา เมื่อราวปี ๒๕๔๒ นางทรงศรี จัดพล ได้นำ น.ส. ๓ ฉบับดังกล่าวเป็นหลักฐานยื่นคำร้องต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ขอนำรังวัดออกโฉนดที่ดินในนามตนและแทนบุคคลผู้มีชื่อเป็น ผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินแปลงดังกล่าวต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้มีการรังวัดและจัดทำรูปแผนที่ตามผลการรังวัดเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ ได้จำนวนเนื้อที่ ๙๕ ไร่ ๑ งาน ๑๙ ตาราวา ปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ และที่ ๕ ได้คัดค้านการรังวัดอ้างว่า การรังวัดทับซ้อนที่ดินสาธารณประโยชน์ “ดอนป่าเป้า” ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้แจ้งผู้ฟ้องคดีว่า ที่ดินบริเวณที่พิพาทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์สิทธิในที่ดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๕ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ จนกระทั่งระยะเวลาล่วงเลยไปพอสมควรผู้ฟ้องคดีจึงได้มีหนังสือขอทราบผลการพิจารณา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้รับหนังสือทวงถามเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๗ จนกระทั่งเวลาล่วงพ้นเก้าสิบวัน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ยังไม่ได้แจ้งผลการพิจารณา ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดี ศาลปกครองกลางได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีมีประเด็นต้องพิจารณาว่าการที่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ไม่ออกโฉนดที่ดินพิพาทให้ผู้ฟ้องคดีเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เป็นคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ การที่จะพิจารณาว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ไม่ออกโฉนดที่ดินให้ผู้ฟ้องคดีเป็นการละเลยต่อหน้าที่หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นหลักแห่งคดีได้นั้น ศาลจะต้องวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีหรือเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวพันที่ศาลจะต้องวินิจฉัยก่อน ตามข้อ ๔๑ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และเห็นว่าการวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวแม้จะต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามประมวลกฎหมายที่ดิน และต้องวินิจฉัยสถานะของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็ไม่มีบทบัญญัติใดห้ามศาลปกครองมิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับแก่คดีได้ และได้วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่าที่ดินแปลง น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ แปลงพิพาทบางส่วนเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินสาธารณประโยชน์ “ดอนป่าเป้า” ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยผ่านการตรวจพิสูจน์จากการกระบวนการที่กำหนดตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๕ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยคณะกรรมการตามคำสั่งจังหวัดนครนายก ที่ ๑๑๔/๒๕๔๓ ลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๓ และความเห็นของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดนครนายก ประกอบกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ เป็นผู้มีหน้าที่ในการดูแลรักษาที่ดินสาธารณะตามมาตรา ๑๒๒ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลที่ดินสาธารณประโยชน์ ตามมาตรา ๖๗ และ ๖๘ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้คัดค้านการออกโฉนดที่ดินตามคำขอของผู้ฟ้องคดี การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ไม่ออกโฉนดที่ดินตามคำขอของผู้ฟ้องคดีจึงไม่เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรแต่อย่างใด พิพากษายกฟ้อง เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๙๐๑/๒๕๔๙ คดีถึงที่สุดแล้ว และเมื่อพิจารณาตามคำฟ้อง คดีนี้โจทก์ทั้งแปดมีคำขอท้ายคำฟ้องข้อ ๑ และข้อ ๒ ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ทั้งแปด เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินจำนวนเนื้อที่ ๗๐ ไร่ ๑ งาน ๖๘ ตารางวา ตามหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ และขอให้ที่ดินพิพาทจำนวนเนื้อที่ ๕๘ ไร่ ๑๓ ตารางวา ตกเป็นสิทธิครอบครองของโจทก์ทั้งแปดนั้น เป็นกรณีที่ โจทก์ทั้งแปดเห็นว่า เป็นการโต้แย้งสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทว่าเป็นที่ดินของโจทก์ทั้งแปดมิใช่ที่ดินสาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้า จึงได้ฟ้องคดีขอให้รับรองและคุ้มครองสิทธิในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินอันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๒๘/๒๕๔๕ การที่ศาลจังหวัดนครนายกมีความเห็นว่า คดีนี้มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทในคดีนี้โจทก์ทั้งแปดเป็นผู้มีสิทธิครอบครองหรือเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามที่จำเลยโต้แย้งซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมนั้น ศาลปกครองไม่เห็นพ้องด้วย กล่าวคือโจทก์ทั้งแปดบรรยายฟ้องว่า ได้ดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินแปลง น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ แต่ปรากฏว่าองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแสงได้คัดค้านการออกโฉนดที่ดินทั้งแปลงโดยอ้างว่าที่ดินของโจทก์ทั้งแปดบางส่วนเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้าจำนวนเนื้อที่ ๕๘ ไร่เศษ จนเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งแปดได้ และอำเภอปากพลีได้แจ้งให้สำนักงานที่ดินจังหวัดนครนายกดำเนินการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงที่ดินดังกล่าว โจทก์ทั้งแปดเห็นว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งแปดจึงได้ติดต่อสอบถามการออกโฉนดที่ดิน เจ้าหน้าที่ของจำเลยบ่ายเบี่ยงและแจ้งว่าไม่อาจออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งแปดได้เต็มแปลง เพราะที่ดินทับที่สาธารณประโยชน์จำนวนเนื้อที่ ๕๘ ไร่เศษ ดังนั้นการที่โจทก์ทั้งแปดมีคำขอท้ายคำฟ้องในข้อ ๑ และข้อ ๒ โดยข้อเท็จจริงโจทก์ทั้งแปดมีความประสงค์ขอให้ศาลรับรองสิทธิของโจทก์ทั้งแปดในที่ดินพิพาทเพื่อโจทก์จะได้นำรังวัดออกโฉนดที่ดิน ซึ่งประเด็นและเนื้อหาคดีเป็นเรื่องเดียวกันกับที่โจทก์ทั้งแปดได้นำกรณีพิพาทฟ้องต่อศาลปกครองเป็นคดีหมายเลขดำที่ ๑๓๕๓/๒๕๔๗ และคดีถึงที่สุดเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๙๐๑/๒๕๔๙ แต่สำหรับคำขอท้ายคำฟ้องในข้อ ๓ ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ และให้จำเลยออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งแปดตามหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๗๘ ตามจำนวนเนื้อที่ที่โจทก์ทั้งแปดได้ครอบครองใช้ประโยชน์นั้น เห็นว่า คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ สั่งแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์แปลงพิพาท อธิบดีกรมที่ดินเป็นผู้มีอำนาจสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา ๖๑ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่ออกโดยอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ การที่โจทก์ทั้งแปดอ้างว่า การออกคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งแปด และมีคำขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนย่อมเป็นการโต้แย้งว่าคำสั่งดังกล่าวออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นกรณีพิพาทที่มีการฟ้องว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งทางปกครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งแปดฟ้องว่า เป็นผู้มีชื่อถือสิทธิครอบครองที่ดินร่วมกันตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ ซึ่งได้มาโดยทางมรดก โจทก์ทั้งแปดขอออกโฉนดที่ดิน แต่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแสงคัดค้านอ้างว่า ที่ดินบางส่วนอยู่ในเขตที่สาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้า จำเลยมีคำสั่งให้แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ใน น.ส. ๓ ดังกล่าวจากเนื้อที่เดิมจำนวน ๗๐ ไร่ ๑ งาน ๖๘ ตารางวา เป็น ๓๗ ไร่ ๑ งาน ๖ ตารางวา และจะนำที่ดินจำนวน ๕๘ ไร่ ๑๓ ตารางวา ไปรวมเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ “ดอนป่าเป้า” ขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งว่า น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ เนื้อที่ ๗๐ ไร่ ๑ งาน ๖๘ ตารางวา จำเลยออกให้แก่โจทก์ทั้งแปดโดยชอบและโจทก์ทั้งแปดมีสิทธิครอบครองในที่ดินเต็มเนื้อที่ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ให้ที่ดินจำนวน ๕๘ ไร่ ๑๓ ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินส่วนที่จำเลยมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงรูปที่ดินตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ เป็นของโจทก์ทั้งแปด ให้จำเลยเพิกถอนคำสั่งที่ ๓๗๖๗/๒๕๕๐ เรื่องการแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ใน น.ส. ๓ และให้จำเลยออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งแปดตามจำนวนเนื้อที่ที่โจทก์ทั้งแปดได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ ส่วนจำเลยให้การว่า น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ ออกทับที่ดินสาธารณประโยชน์ดอนป่าเป้า อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน โจทก์ทั้งแปดไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน การออก น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ที่ ๑ เคยยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดินกับพวกเป็นคดีต่อศาลปกครองกลาง โดยศาลพิพากษาว่า ที่ดินตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ บางส่วนเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของที่ดินสาธารณประโยชน์ “ดอนป่าเป้า” การไม่ออกโฉนดให้จึงไม่เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร คำสั่งแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ใน น.ส. ๓ จึงเป็นคำสั่งที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง เห็นว่า แม้คดีนี้ศาลจำต้องพิจารณาสิทธิของโจทก์ทั้งแปดในที่ดินพิพาทก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่า โจทก์ที่ ๑ เคยยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดินกับพวกให้ออกโฉนดในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งแปดต่อศาลปกครองกลางเป็นคดีหมายเลขดำที่ ๑๓๕๓/๒๕๔๗ และศาลในคดีดังกล่าวนี้พิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่พิพาทตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๒๗๘ บางส่วนเป็นที่สาธารณประโยชน์ การที่อธิบดีกรมที่ดินกับพวกไม่ออกโฉนดให้แก่โจทก์ทั้งแปด จึงไม่เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร พิพากษายกฟ้อง และคดีถึงที่สุดแล้ว หลังจากนั้นจำเลยจึงมีคำสั่งแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ของ น.ส. ๓ ที่พิพาท โจทก์ทั้งแปดจึงมาฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและมีคำขอให้ออกโฉนดที่ดินพิพาทเป็นคดีนี้ ดังนั้น มูลความแห่งคดีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกันกับคดีเดิม ซึ่งศาลปกครองกลางได้ เคยพิจารณาวินิจฉัยไว้แล้ว หากให้ศาลยุติธรรมพิจารณาคดีนี้อีก อาจเกิดกรณีที่ศาลสองศาลมีคำพิพากษาขัดกัน ซึ่งไม่เป็นผลดีแก่ทุกฝ่าย คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่างนายสว่าง แสวงทรัพย์ ที่ ๑ ในฐานะส่วนตัว, ในฐานะทายาทโดยธรรมของนางเปี่ยม แสวงทรัพย์ มารดา นายชวลิต แสวงทรัพย์ ที่ ๒ นางสาวสงวนศรี เจตธำรง ที่ ๓ นางสาวสุภาพร กอธนะกุล ที่ ๔ นางสนิท กัณหา ที่ ๕ นางทรงศรี จัดพล ที่ ๖ นายคำนึง แสวงทรัพย์ ที่ ๗ นางสมนึก ใจยงค์ ที่ ๘ โจทก์ กรมที่ดิน จำเลย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของ ศาลปกครอง

(ลงชื่อ) สบโชค สุขารมณ์ (ลงชื่อ) สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
(นายสบโชค สุขารมณ์) (นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) อักขราทร จุฬารัตน (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายอักขราทร จุฬารัตน) (นายจรัญ หัตถกรรม)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) พลโท ศานิต สร้างสมวงษ์ (ลงชื่อ) พลโท อาชวัน อินทรเกสร
(ศานิต สร้างสมวงษ์) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

Share