แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีที่กรมชลประทานซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองยื่นฟ้องเอกชนผู้ยื่นเอกสารประกวดราคา และผู้ค้ำประกัน กรณีผิดข้อตกลงในหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ขอให้ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย เห็นว่า ประกาศของโจทก์ เรื่องประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การซื้อวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์เพื่อใช้ในงานของฝายขุนห้วยแม่ป๊อก ๑, ๒ และงานของฝายขุนห้วยอุปรุพร้อมระบบส่งน้ำเป็นเพียงหนังสือเชิญชวนให้บุคคลผู้สนใจเข้ามาซื้อซองประมูลราคา หากบุคคลเหล่านั้นมีคุณสมบัติครบถ้วน ก็เป็นผู้มีสิทธิเสนอราคาและต้องทำข้อตกลงในหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หากผู้มีสิทธิเสนอราคาไม่มาหรือไม่ส่งผู้แทนมาลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่กระบวนการเสนอราคาตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด โจทก์จะยึดหลักประกันซอง ข้อตกลงตามหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและการจ้างดังกล่าว เป็นการตกลงกันในขั้นตอนการหาบุคคลผู้ชนะการเสนอราคา ก่อนนำไปสู่การจัดทำสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับผู้ชนะการเสนอราคา นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ตามหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและการจ้างจึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาทางปกครอง อันจะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม และข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมเช่นเดียวกัน
ย่อยาว
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๓๖/๒๕๕๗
วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔)
ศาลแขวงเชียงใหม่
ระหว่าง
ศาลปกครองเชียงใหม่
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลแขวงเชียงใหม่ส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดี และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ กรมชลประทาน โจทก์ ยื่นฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดศักดิ์ชัยลำพูน ที่ ๑ นายตรี ด่านไพบูลย์ ที่ ๒ บริษัทธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๓ จำเลย ต่อศาลแขวงเชียงใหม่ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ม. ๖๒๖/๒๕๕๕ ความว่า เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ โจทก์โดยโครงการชลประทานเชียงใหม่ได้มีโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน พื้นที่ลุ่มน้ำปิงน้อย และมีประกาศกรมชลประทาน เลขที่ E ๑๓/๒๕๕๔ ชม เรื่อง ประกวดราคาซื้อด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การซื้อวัสดุก่อสร้าง รวม ๒ กลุ่ม โดยกลุ่มที่ ๑ ซื้อวัสดุก่อสร้างไม้กระยาเลยแปรรูปชนิดไม้เนื้ออ่อนต่าง ๆ – ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท ๑ กลุ่มที่ ๒ ท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มขนาดต่าง ๆ และอุปกรณ์เพื่อใช้ในงานของฝายขุนห้วยแม่ป๊อก ๑, ๒ และงานของฝายขุนห้วยอุปรุพร้อมระบบส่งน้ำ กำหนดยื่นเอกสารประกวดราคาจัดซื้อด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ผู้เสนอราคาต้องวางหลักประกันการเสนอราคาในกลุ่มที่ ๑ จำนวน ๑๐๗,๘๗๖ บาท และกลุ่มที่ ๒ จำนวน ๑๔๗,๘๗๐ บาท และกำหนดเสนอราคาในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ เข้าร่วมยื่นเอกสารประกวดราคา มีจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ค้ำประกันการยื่นเอกสารประกวดราคาของจำเลยที่ ๑ ต่อมาโจทก์โดยคณะกรรมการประกวดราคาตรวจสอบหลักฐาน คุณสมบัติและเอกสารอื่นของผู้เข้ายื่นเอกสารประกวดราคาแล้วเห็นว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน จึงแจ้งให้จำเลยที่ ๑ ทราบผลการตรวจสอบและแจ้งให้จำเลยที่ ๑ ไปเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ณ สถานที่เสนอราคา บริษัทบีสไดเมนชั่น จำกัด ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้น ๒ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แต่ปรากฏว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเสนอราคาไม่ไปและไม่ส่งตัวแทนไปลงทะเบียนด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โจทก์โดยประธานคณะกรรมการประกวดราคา จึงประกาศให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้หมดสิทธิเสนอราคา และใช้สิทธิยึดหลักประกันซองของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเสนอราคางานกลุ่มที่ ๑ และกลุ่มที่ ๒ ตามหนังสือเงื่อนไขการซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เลขที่ E ๑๓/๒๕๕๔ ชม เป็นเงิน ๑๒๗,๘๗๒.๕๗ บาท โดยจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๓ ในฐานะผู้ค้ำประกันการยื่นซองประกวดราคาต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ เพื่อชำระเงินต่อโจทก์ โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑๓๒,๔๑๙.๐๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๑๒๗,๘๗๒.๕๗ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การในทำนองเดียวกันว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง อยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง และฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อน เพราะกรณีพิพาทตามสัญญาประกวดราคาของโจทก์และจำเลยที่ ๑ นั้น จำเลยที่ ๑ ได้ยื่นฟ้องสำนักงานโครงการชลประทานเชียงใหม่ ต่อศาลปกครองเชียงใหม่เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๙๑/๒๕๕๔ หมายเลขแดงที่ ๘๖/๒๕๕๔ คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ศาลแขวงเชียงใหม่พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้โจทก์จะเป็นหน่วยงานทางปกครอง แต่การที่โจทก์ออกประกาศกรมชลประทาน เรื่อง ประกวดราคาซื้อด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การซื้อวัสดุก่อสร้าง รวม ๒ กลุ่ม เลขที่ E ๑๓/๒๕๕๔ ชม เป็นเพียงขั้นตอนจัดซื้อวัสดุก่อสร้างจำพวกไม้กระยาเลยแปรรูป ปูนซิเมนต์ และท่อพีวีซีแข็งเพื่อใช้สร้างฝายขุนห้วยแม่ป๊อกและฝายขุนห้วยอุปรุพร้อมระบบส่งน้ำ มิได้ประสงค์ว่าจ้างให้จำเลยที่ ๑ ดำเนินการก่อสร้างฝายดังกล่าว อันจะถือว่าเป็นการเข้าไปจัดทำบริการสาธารณะแต่อย่างใด การที่จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ยื่นเอกสารประกวดราคาต่อคณะกรรมการประกวดราคา แล้วผ่านการตรวจคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิเสนอราคาจัดซื้อวัสดุดังกล่าวตามหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามเอกสารท้ายคำฟ้อง เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ไม่ส่งผู้แทนไปลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่กระบวนการเสนอราคาในวันเวลาและสถานที่ที่กำหนด ก่อให้โจทก์มีสิทธิยึดหลักประกันการเสนอราคา เป็นการกล่าวอ้างว่า จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ กระทำผิดข้อตกลงในสัญญาดังกล่าว ซึ่งจำต้องพิจารณาตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรื่อง นิติกรรมสัญญาและหนี้ จึงเป็นสัญญาทางแพ่ง อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ส่วนสัญญาค้ำประกันโดยจำเลยที่ ๓ เป็นสัญญาอุปกรณ์ ย่อมอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองเชียงใหม่พิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุแห่งการฟ้องคดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์โดยผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ มีประกาศประกวดราคา เลขที่ E ๑๓/๒๕๕๔ ชม เพื่อจัดซื้อวัสดุก่อสร้างไม้กระยาเลยแปรรูปชนิดไม้เนื้ออ่อนต่าง ๆ – ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท ๑ ท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มขนาดต่าง ๆ และอุปกรณ์ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับใช้ในงานของฝายขุนห้วยแม่ป๊อก ๑,๒ และงานฝายขุนห้วยอุปรุพร้อมระบบส่งน้ำ ตามโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน พื้นที่ลุ่มน้ำแม่ปิงน้อย มีลักษณะเป็นคำเสนอของผู้มีอาชีพขายวัสดุที่ประกวดราคาซื้อ ทำคำเสนอขอเข้าทำสัญญาตามแบบสัญญาที่โจทก์เป็นผู้กำหนดเงื่อนไข ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ยื่นซองเอกสารประกวดราคา วางหลักประกันซองต่อโจทก์และได้ลงลายมือชื่อในหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและจ้างโดยการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โดยหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและจ้างดังกล่าวลงนามโดยคู่กรณีสามฝ่าย ได้แก่ โจทก์โดยนายพงษ์ศักดิ์ สิงหวัฒนศิริ ในฐานะประธานคณะกรรมการประกวดราคาเรียกว่า “ผู้รับบริการ” บริษัทบีสไดเมนชั่น จำกัด เรียกว่า “ผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์” และจำเลยที่ ๑ เรียกว่า “ผู้มีสิทธิเสนอราคา” ก่อให้เกิดสัญญาระหว่างคู่กรณีสามฝ่ายที่ต้องปฏิบัติตามสิทธิและหน้าที่ต่อกันตามหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและจ้างโดยการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อันเป็นสัญญาประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นก่อนสัญญาซื้อขายไม้กระยาเลยแปรรูป – ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท ๑ และท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มขนาดต่าง ๆ และอุปกรณ์ที่โจทก์กับจำเลยที่ ๑ มุ่งจะกระทำขึ้นในภายหลัง สัญญาที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า สัญญาหลักประกันซอง โดยสัญญาดังกล่าวมีโจทก์เป็นคู่สัญญาที่เป็นหน่วยงานทางปกครอง และมีลักษณะเป็นสัญญาที่โจทก์ใช้เอกสิทธิ์ของรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียวในการกำหนดข้อตกลงของสัญญา โดยกำหนดหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ (ผู้มีสิทธิเสนอราคา) หลักเกณฑ์วิธีการในการเสนอราคา การยึดหลักประกันของจำเลยที่ ๑ (ผู้มีสิทธิเสนอราคา) นอกจากนี้ยังกำหนดให้จำเลยที่ ๑ ต้องปฏิบัติตามประกาศประกวดราคาประกอบกับเอกสารประกวดราคาซื้อด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างเคร่งครัด และโดยที่การดำเนินการตามประกาศประกวดราคา เลขที่ E ๑๓/๒๕๕๔ ชม ต้องอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ กฎกระทรวงฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ออกคำสั่งทางปกครองหรือดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ว่าจะในเรื่องของการกำหนดคุณสมบัติของคู่สัญญา วิธีการเลือกคู่สัญญา การมีคำสั่งรับคำเสนอราคาของคู่สัญญา และการกำหนดข้อสัญญาซื้อขายไม้กระยาเลยแปรรูป – ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท ๑ และท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มขนาดต่าง ๆ และอุปกรณ์ โดยจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายเอกชนไม่อาจกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสัญญาดังกล่าวได้เลย ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่แสดงถึงเอกสิทธิ์ของโจทก์เช่นกันสัญญาตามหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและจ้างโดยการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว จึงเป็นสัญญาที่มีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองและมีลักษณะพิเศษที่แสดงถึงเอกสิทธิ์ของโจทก์ที่มีอยู่เหนือจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายเอกชนที่ไม่อาจพบได้ในสัญญาทางแพ่งที่เป็นไปตามหลักเสรีภาพในการแสดงเจตนาของคู่สัญญาในการกำหนดข้อตกลงของสัญญาเป็นสำคัญ ทั้งนี้ เพื่อให้การใช้อำนาจทางปกครองหรือการดำเนินกิจการทางปกครองซึ่งก็คือการบริการสาธารณะบรรลุผล นอกจากนั้นสัญญาดังกล่าวยังมีวัตถุประสงค์จัดหาหรือจัดให้มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่สำคัญหรือจำเป็นเพื่อใช้ในการจัดทำบริการสาธารณะให้บรรลุผลด้วย กล่าวคือ หากไม่มีไม้กระยาเลยแปรรูป – ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท ๑ และท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มขนาดต่าง ๆ และอุปกรณ์ ย่อมไม่อาจก่อสร้างงานของฝายขุนห้วยแม่ป๊อก ๑, ๒ และฝายขุนห้วยอุปรุพร้อมระบบส่งน้ำ โครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน พื้นที่ลุ่มน้ำแม่ปิงน้อย อันเป็นการจัดทำบริการสาธารณะของโจทก์บรรลุผลได้ ดังนั้น สัญญาหลักประกันซองดังกล่าวจึงเป็นสัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ไปและไม่ส่งตัวแทนไปลงทะเบียนด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โจทก์จึงให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้หมดสิทธิเสนอราคาและใช้สิทธิยึดหลักประกันซองจำเลยที่ ๑ โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสามชำระเงินดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ส่วนสัญญาค้ำประกันเป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาหลักประกันซอง จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาหลักประกันซองด้วย
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องคดีนี้สรุปได้ว่า โจทก์มีประกาศ เลขที่ E ๑๓/๒๕๕๔ ชม เรื่อง ประกวดราคาซื้อวัสดุก่อสร้างไม้กระยาเลยแปรรูปชนิดไม้เนื้ออ่อนต่าง ๆ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มขนาดต่าง ๆ และอุปกรณ์เพื่อใช้ในงานของฝายขุนห้วยแม่ป๊อก ๑, ๒ และงานของฝายขุนห้วยอุปรุพร้อมระบบส่งน้ำด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามโครงการรักษ์น้ำ เพื่อพระแม่ของแผ่นดิน พื้นที่ลุ่มน้ำปิงน้อย มีจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ เข้าร่วมยื่นเอกสารประกวดราคา และจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ค้ำประกันการยื่นเอกสารประกวดราคา ครั้นถึงกำหนดวันนัดเสนอราคา จำเลยที่ ๑ ไม่ไปและไม่ส่งตัวแทนไปลงทะเบียนด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โจทก์จึงประกาศให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้หมดสิทธิเสนอราคา และใช้สิทธิยึดหลักประกันซองของจำเลยที่ ๑ ตามเงื่อนไขการซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้ดังกล่าว แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย คดีจึงมีประเด็นต้องพิจารณาว่า ข้อตกลงตามหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นสัญญาทางปกครองหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) และมาตรา ๓ บัญญัติให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ซึ่งสัญญาทางปกครองหมายความรวมถึง สัญญาที่คู่สัญญาอย่างน้อยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองหรือเป็นบุคคลซึ่งกระทำการแทนรัฐ และมีลักษณะเป็นสัญญาสัมปทาน สัญญาที่ให้จัดทำบริการสาธารณะหรือจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภคหรือแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ คดีนี้แม้โจทก์มีฐานะเป็นกรม สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ โจทก์จึงเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่การที่โจทก์ออกประกาศ เรื่องประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การซื้อวัสดุก่อสร้างไม้กระยาเลยแปรรูปชนิดไม้เนื้ออ่อนต่าง ๆ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ ท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มขนาดต่าง ๆ และอุปกรณ์เพื่อใช้ในงานของฝายขุนห้วยแม่ป๊อก ๑, ๒ และงานของฝายขุนห้วยอุปรุพร้อมระบบส่งน้ำ นั้น เป็นไปเพื่อจัดหาผู้รับจ้างในการจัดหาไม้กระยาเลยแปรรูปชนิดไม้เนื้ออ่อน ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ท่อพีวีซีแข็ง และอุปกรณ์เพื่อใช้ในงานของฝายขุนห้วยแม่ป๊อก ๑, ๒ และงานของฝายขุนห้วยอุปรุพร้อมระบบส่งน้ำของโจทก์ ซึ่งเป็นขั้นตอนก่อนการทำสัญญาซื้อขายเท่านั้น ประกาศดังกล่าวจึงเป็นเพียงหนังสือเชิญชวนให้บุคคลผู้สนใจเข้ามาซื้อซองประมูลราคา หากบุคคลเหล่านั้น มีคุณสมบัติครบถ้วน ก็เป็นผู้มีสิทธิเสนอราคาและต้องทำข้อตกลงในหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หากผู้มีสิทธิเสนอราคาไม่มาหรือไม่ส่งผู้แทนมาลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่กระบวนการเสนอราคาตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด โจทก์จะยึดหลักประกันซอง ข้อตกลงตามหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและการจ้างดังกล่าว เป็นการตกลงกันในขั้นตอนการหาบุคคลผู้ชนะการเสนอราคา ก่อนนำไปสู่การจัดทำสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับผู้ชนะการเสนอราคา นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ตามหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและการจ้างจึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาทางปกครอง ดังนั้น ข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ จึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อันจะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม และข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมเช่นเดียวกัน
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่างกรมชลประทาน โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดศักดิ์ชัยลำพูน ที่ ๑ นายตรี ด่านไพบูลย์ ที่ ๒ บริษัทธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๓ จำเลย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) ดิเรก อิงคนินันท์ (ลงชื่อ) สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
(นายดิเรก อิงคนินันท์) (นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล) (นายจรัญ หัตถกรรม)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) พลเรือโท กฤษฎา เจริญพานิช (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(กฤษฎา เจริญพานิช) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ