คำวินิจฉัยที่ 25/2562

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีนี้ โจทก์เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงการคลัง ยื่นฟ้องเอกชนเป็นจำเลย ขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งให้จำเลยคืนเงินช่วยเหลือตามโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกที่ได้รับไปพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องสรุปได้ว่า จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กระบะกับบริษัท ท. ลิสซิ่ง และได้ยื่นคำขอใช้สิทธิรับเงินคืนตามโครงการมาตรการรถยนต์คันแรกที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่อำนาจเจริญ สาขาปทุมราชวงศา กรมบัญชีกลางอนุมัติให้จำเลยได้รับเงินคืนตามโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกจำนวน ๑๗,๙๑๖ บาท โดยมีเงื่อนไขว่าจำเลยจะต้องครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวไม่น้อยกว่า ๕ ปี เมื่อจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ เป็นเหตุให้ผู้ให้เช่าซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด ๕ ปี จำเลยจึงเป็นผู้ไม่มีสิทธิได้รับเงินคืนตามเงื่อนไขของโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก ฯ โจทก์จึงมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยนำเงินที่ได้รับไปคืนให้แก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งให้จำเลยชำระเงินคืนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย เห็นว่า การกำหนดหลักเกณฑ์ในการคืนเงินตามโครงการดังกล่าวเป็นเพียงการกำหนดเงื่อนไขและคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินคืนตามนโยบายของรัฐบาล มิใช่การจัดทำบริการสาธารณะ ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยตามคำขอใช้สิทธิขอรับเงินคืนตามโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกที่จำเลยยื่นต่อโจทก์จึงมิใช่สัญญาทางปกครอง เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลย เนื่องจากจำเลยปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามคำขอเป็นเหตุให้จำเลยเป็นผู้ไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินคืน จึงเป็นกรณีที่รัฐฟ้องคดีโดยใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลยในฐานะเอกชนคนหนึ่ง ซึ่งไม่เข้าลักษณะคดีพิพาทซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ กรณีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองต้องใช้สิทธิฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยต่อศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวงที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น

Share