คำวินิจฉัยที่ 15/2560

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐสังกัดกรมควบคุมมลพิษซึ่งมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการดำเนินการโครงการออกแบบก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวหาว่าร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑, ๑๕๗ กรมควบคุมมลพิษ ผู้เสียหายยื่นคำร้องเรียกค่าเสียหายส่วนแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑ ว่า เป็นผู้เสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสาม ขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เห็นว่า คดีนี้มีมูลเหตุมาจากการกล่าวอ้างว่า โครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียมีการทุจริตจนนำไปสู่การไต่สวนของ ป.ป.ช. และมีมติชี้มูลความผิดของจำเลยทั้งสามกับส่งเรื่องให้ผู้เสียหายออกคำสั่งเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายทางละเมิด และส่งเรื่องให้พนักงานอัยการดำเนินคดีอาญา ผู้เสียหายใช้สำนวนของ ป.ป.ช. เป็นหลักในการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดจากการกระทำของจำเลยทั้งสามแล้วออกคำสั่งที่ ๑๑๗/๒๕๕๗ ให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนของแต่ละคน และศาลอาญาก็ใช้สำนวนการสอบสวนของ ป.ป.ช. ในการพิจารณาคดีเป็นหลักเช่นเดียวกัน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙๘/๑ จนกระทั่งมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสาม ดังนั้น การที่จำเลยทั้งสามถูกฟ้องเป็นคดีอาญาก็ดี การที่ผู้เสียหายออกคำสั่งเรียกให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายก็ดี ล้วนแล้วมาจากการกระทำเดียวกันทั้งสิ้น มูลความและกระบวนการต่าง ๆ แห่งคดีนี้ จึงเป็นเรื่องมาตรการการปราบปรามการทุจริตซึ่งเป็นการกระทำความผิดทางอาญาเป็นหลัก มิใช่เป็นเรื่องเกิดจากการใช้อำนาจทางปกครอง อันจะเป็นการทำละเมิดทางปกครองซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง เมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีอาญา และผู้เสียหายยื่นคำร้องว่ามีสิทธิที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดอาญาของจำเลยทั้งสาม ข้ออ้างตามคำร้องที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา จึงเป็นเรื่องของการกระทำความผิดอาญาต้องยื่นต่อศาลที่จะพิจารณาพิพากษาคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑ ซึ่งในการพิพากษาส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตามมาตรา ๔๖ กรณีจึงเป็นการที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share