แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีที่อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ยื่นฟ้อง สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ ๒ คณะกรรมการบริหารสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี โดยอ้างว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ละเลยไม่ออกระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชยให้เป็นไปตามกฎหมายแรงงาน ขอให้บังคับผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามจ่ายค่าชดเชยโดยไม่ต่ำกว่าที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนด เห็นว่า เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เป็นองค์การมหาชนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงเป็นหน่วยงานทางปกครอง มีวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ในการให้การช่วยเหลือทางการเงินและทางวิชาการที่เกี่ยวโยงกับการช่วยเหลือทางการเงินในการร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจแก่รัฐบาลและองค์การต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน อันเป็นการจัดทำบริการสาธารณะ ดังนั้น การที่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ทำสัญญาจ้างผู้ฟ้องคดี เพื่อให้ปฏิบัติงานบริหารในตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาที่มีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองและเป็นสัญญาเพื่อจัดหาบุคคลมาปฏิบัติงานเพื่อให้การดำเนินงานของสำนักงานอันเป็นการจัดทำบริการสาธารณะของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ บรรลุผล มีลักษณะเป็นสัญญาที่ให้ผู้ฟ้องคดีเข้าร่วมจัดทำบริการสาธารณะ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ตามกฎหมายมหาชน ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามกฎหมายเอกชน สัญญาพิพาทจึงเป็นสัญญาทางปกครอง ข้อพิพาทเกี่ยวกับการเลิกจ้างหรือสิ้นสุดระยะเวลาจ้าง ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ตามสัญญาพิพาทจึงเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง