คำวินิจฉัยที่ 120/2563

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์กับพวกรวม ๔ คน เป็นเอกชน ยื่นฟ้องนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ธ. จำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๑๐ ซึ่งเป็นกรรมการนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ธ. และกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ ๑๑ ผู้อำนวยเขตสะพานสูง จำเลยที่ ๑๒ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ ๑๓ ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๐ ระงับ หยุด ยกเลิกการเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ให้รื้อถอน ทำลาย ย้ายป้อมยามและไม้กั้นทางเข้าออกและห้ามก่อสร้าง ตั้ง วางเครื่องกีดขวางหรืออาคารหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ บนทางสาธารณะถนนซอยรามคำแหง ๑๕๐ และที่ดินอันเป็นสาธารณูปโภคที่ผู้จัดสรรได้อุทิศให้เป็นสาธารณประโยชน์ กับให้แสดงรายการงบดุล บัญชีรายรับรายจ่ายที่อ้างต่อนายทะเบียนตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ จนถึงปัจจุบัน และให้จำเลยที่ ๑๑ และที่ ๑๒ เข้ารื้อถอนป้อมยามและไม้กั้นทางเข้าออกจากถนนซอยรามคำแหง ๑๕๐ กับให้จำเลยที่ ๑๓ โดยพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางชันหรือพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๐ ตามกฎหมาย
สำหรับคำฟ้องในส่วนที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๐ นั้น เป็นคดีพิพาทระหว่างเอกชนกับเอกชนด้วยกัน และจำเลยที่ ๑๑ ถึงที่ ๑๓ ไม่โต้แย้งเขตอำนาจศาลว่าคดีระหว่างโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๐ ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม คดีในส่วนของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๐ จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ส่วนคดีระหว่างโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยที่ ๑๓ ศาลแพ่งมีนบุรีและศาลปกครองกลางมีความเห็นพ้องกันว่า เป็นคดีพิพาทที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม จึงไม่มีปัญหาการขัดกันระหว่างอำนาจศาลที่คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลต้องวินิจฉัยชี้ขาด ตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยเฉพาะคำฟ้องในส่วนของจำเลยที่ ๑๑ และที่ ๑๒ ว่า เป็นคดีพิพาทที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
เมื่อพิจารณาคำฟ้องในส่วนกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ ๑๑ และผู้อำนวยการเขตสะพานสูง จำเลยที่ ๑๒ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แล้ว โจทก์ทั้งสี่กล่าวอ้างว่า จำเลยที่ ๑๑ และที่ ๑๒ ปล่อยปละละเลยให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๐ ใช้ถนนสาธารณะในซอยรามคำแหง ๑๕๐ แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จำเลยที่ ๑๑ โดยจำเลยที่ ๑๒ มีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ได้ออกคำสั่งให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๐ รื้อถอนไม้กั้นรถยนต์ที่ขวางทางเข้าออกซึ่งรุกล้ำถนนสาธารณประโยชน์ในซอยรามคำแหง ๑๕๐ และแจ้งความดำเนินคดีกับจำเลยที่ ๑ แต่เมื่อจำเลยที่ ๑ เพิกเฉย จำเลยที่ ๑๒ กลับไม่ดำเนินการใด ๆ อันเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ มาตรา ๑๑๗ มาตรา ๑๑๘ และมาตรา ๑๒๒ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๖๙ และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙ มาตรา ๑๐๘ และมาตรา ๑๐๘ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อ ๑๑ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๕ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำเลยที่ ๑๑ และที่ ๑๒ เข้าดำเนินการรื้อถอนป้อมยามและไม้กั้นรถยนต์ตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย จึงเป็นการฟ้องว่า จำเลยที่ ๑๑ และที่ ๑๒ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีพิพาทระหว่างโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยที่ ๑๑ และที่ ๑๒ จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง

Share