แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีที่โจทก์ทั้งสองเป็นเอกชน ยื่นฟ้องสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง จำเลยที่ ๒ พนักงานขับรถยนต์ สังกัดจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า จำเลยที่ ๒ ขับรถยนต์ตู้ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ ด้วยความประมาทชนรถโดยสารประจำทางที่โจทก์ทั้งสองโดยสารมา ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับอันตรายสาหัส ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) บัญญัติให้ “ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร” อันเป็นการจำกัดประเภทคดีปกครองที่เกิดจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ โดยมุ่งหมายให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดที่เกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐ หรือการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติเท่านั้น ไม่รวมถึงการกระทำละเมิดที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ทั่วไป เมื่อคดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนอันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นพนักงานขับรถ เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ขับรถโดยประมาทไปชนกับรถโดยสารประจำทางที่โจทก์ทั้งสองโดยสารมาได้รับอันตรายสาหัส ความเสียหายในคดีนี้จึงเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่โดยทั่วไป คือการขับรถ มิได้เกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐ จึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ศาลปกครองจะมีอำนาจพิจารณาพิพากษา ดังนั้น คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม