คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6407/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ที่ขอให้ศาลเพิกถอน น.ส.3 ก. เลขที่ 1898ที่มีชื่อจำเลยนั้น จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่า น.ส.3 ก. ดังกล่าวพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกโฉนดที่ดินให้จำเลยเป็นโฉนดเลขที่20753 ซึ่งในวันชี้สองสถานโจทก์จำเลยแถลงว่าที่ดินพิพาทปัจจุบันมีหลักฐานเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 20753 ดังนั้นโฉนดที่ดินเลขที่ดังกล่าวจึงเป็นเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินแปลงเดียวกับที่ปรากฏตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1898 เมื่อฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิในที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจให้เพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าวได้หาเป็นการพิพากษาเกินคำขอไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินจากนายเหลืองเมื่อปี 2506เมื่อต้นปี 2533 โจทก์ขอออกโฉนดที่ดิน แต่พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งว่าที่ดินของโจทก์มี น.ส.3 ก. เป็นชื่อจำเลย โจทก์ไม่เคยให้จำเลยไปขอออก น.ส.3 ก. แต่อย่างใด โจทก์แจ้งให้จำเลยเพิกถอน น.ส.3 ก. ดังกล่าว แต่จำเลยเพิกเฉยขอให้พิพากษาว่าที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1898 เป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ให้เพิกถอน น.ส.3 ก. เลขที่1898 โดยให้จำเลยไปขอเพิกถอนต่อสำนักงานที่ดิน ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ศาลพิพากษา หากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ปีละ 6,000 บาทนับแต่ปี 2533 จนกว่าจำเลยจะออกจากที่พิพาท
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้ระบุว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงใด ตั้งอยู่ที่ไหน มีอาณาเขตติดต่อกับผู้ใด ที่ดินพิพาทตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1898 เนื้อที่ 13 ไร่ 3 งาน 13 ตารางวา เป็นของจำเลยซึ่งได้ซื้อจากนายเหลือง เมื่อปี 2506 จำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์และเสียภาษีบำรุงท้องที่ถึงปัจจุบัน เมื่อปี 2520 จำเลยแจ้งความประสงค์จะได้สิทธิในที่ดินพิพาท ต่อมาปี 2521ทางราชการออก น.ส.3 ก. ให้จำเลยโดยชอบ ซึ่งเป็นการออกทั้งตำบล ปี 2532 พนักงานเจ้าหน้าที่ออกโฉนดให้จำเลย เป็นโฉนดเลขที่ 20753 ไม่มีผู้ใดคัดค้าน โจทก์ไม่เคยมอบที่ดินพิพาทให้จำเลยครอบครองแทน จำเลยได้ที่ดินมาตั้งแต่ปี 2506ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเรียกคืนขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1898 (โฉนดที่ดินเลขที่20753) เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1898(โฉนดที่ดินเลขที่ 20753) ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ปีละ 2,000 บาท นับแต่ปี 2533 จนกว่าจำเลยจะออกจากที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์ที่ขอให้ศาลเพิกถอนน.ส.3 ก. เลขที่ 1898 หมู่ที่ 1 ตำบลเมืองแก อำเภอสตึกจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีชื่อของจำเลยนี้ จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่า น.ส.3 ก. ดังกล่าวพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกโฉนดที่ดินให้จำเลยเป็นโฉนดเลขที่ 20753 ซึ่งในวันชี้สองสถาน ตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 18 กันยายน 2533 โจทก์จำเลยก็แถลงว่าที่ดินพิพาทปัจจุบันมีหลักฐานเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 20753ตำบลเมืองแก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ดังนั้นโฉนดที่ดินเลขที่ดังกล่าวจึงเป็นเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินแปลงเดียวกับที่ปรากฏตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1898 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิในที่ดินพิพาทโดยซื้อมาจากนายเหลืองศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจให้เพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าวได้หาเกินคำขอไม่
พิพากษายืน

Share