แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
กรณีมีปัญหาต้องพิจารณาว่า ข้อตกลงเช่าอุปกรณ์วิทยุสื่อสารระหว่างโจทก์กับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เป็นสัญญาทางปกครองหรือไม่ เห็นว่า บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด จำเลย ซึ่งเป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นหน่วยงานผู้ให้บริการการเดินอากาศของประเทศ โดยรัฐบาลได้รับโอนกิจการเข้ามาดำเนินงานในรูปแบบองค์กรของรัฐบาล และมอบหมายให้บริหารการจราจรทางอากาศ การสื่อสารการบิน การให้บริการระบบช่วยการเดินอากาศ และระบบติดตามอากาศยาน ให้บริการข่าวสารการเดินอากาศและงานแผนที่เดินอากาศ อันเป็นภารกิจของรัฐ จำเลยจึงเป็นรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นในรูปแบบบริษัทจำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาที่จะถือว่าเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ อย่างไรก็ตาม จำเลยอาจเป็นหน่วยงานทางปกครองประเภทหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองหรือให้ดำเนินกิจการทางปกครองได้ หากจำเลยได้กระทำการตามหน้าที่หรืออำนาจที่ได้รับมอบหมายจากรัฐ นอกเหนือจากนี้แล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการดำเนินการในฐานะบริษัทจำกัดเช่นเดียวกับนิติบุคคลเอกชนทั่วไป เมื่อพิจารณาเนื้อหาของข้อตกลงเช่าอุปกรณ์วิทยุสื่อสารที่พิพาท มีสาระสำคัญเพียงจำเลยซึ่งเป็นผู้ให้เช่าตกลงให้ผู้เช่าเช่าอุปกรณ์วิทยุสื่อสารเพื่อใช้ในกิจการด้านการขนส่งสินค้าภายในเขตปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นค่าเช่ารายเดือน มิใช่การให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศ ให้บริการสื่อสารการบิน และให้บริการเครื่องช่วยการเดินอากาศ ที่เป็นการดำเนินกิจการทางปกครอง อันจะถือได้ว่าจำเลยกระทำการในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองหรือให้ดำเนินกิจการทางปกครอง การกระทำของจำเลยตามข้อตกลงนี้จึงไม่ทำให้จำเลยมีฐานะเป็นหน่วยงานทางปกครอง ข้อตกลงหรือสัญญาพิพาทจึงเป็นสัญญาที่มีคู่สัญญาเป็นเอกชนด้วยกัน จึงเป็นสัญญาทางแพ่งไม่ใช่สัญญาทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม