แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
ไม่มีย่อสั้น
ย่อยาว
สำเนา
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๑/๒๕๔๔
วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๕
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๕๗ และ ๕๘ วรรคหนึ่ง
ศาลปกครองกลาง
ระหว่าง
ศาลจังหวัดปัตตานี
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองกลางได้ส่งเรื่องมาให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๑๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลหนึ่งไม่รับฟ้อง เพราะเห็นว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของอีกศาลหนึ่ง เมื่อมีการฟ้องคดีอีกศาลหนึ่งแล้ว ศาลดังกล่าวเห็นว่าคดีนั้นไม่อยู่ในเขตอำนาจเช่นเดียวกัน ให้ศาลนั้นส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๕ จังหวัดปัตตานีได้ประกาศให้เลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลตันหยง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี กำหนดวันเลือกตั้งวันเสาร์ที่ ๑๒พฤษภาคม ๒๕๔๔ และกำหนดระยะเวลาสมัครรับเลือกตั้งตั้งแต่วันที่ ๒ ถึง ๘ เมษายน ๒๕๔๔มีผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งสิ้น ๑๘ คน ซึ่งเทศบาลตันหยงสามารถมีสมาชิกได้ ๑๒ คน และมีหน่วยเลือกตั้งจำนวน ๒ หน่วย โดยนายดอแม็ง ผู้ร้องที่ ๑ และนายอับดุลเลาะ วาเด็ง ผู้ร้องที่ ๒ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัคร ๙ และ ๑๐ ตามลำดับ ปรากฏว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเครื่องหมายประจำตัว ๑, ๓, ๕, ๖, ๗, ๘, ๑๒, ๑๓, ๑๔, ๑๕, ๑๖ และ ๑๗ ได้รับการประกาศผลให้เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลตันหยง ผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต่อศาลจังหวัดปัตตานี กล่าวหาว่า คณะกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทั้งสองหน่วยอ่านเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครไม่ตรงกับเครื่องหมายที่ปรากฏในบัตรเลือกตั้งและไม่ได้ชูขึ้นให้ผู้สมัครและประชาชนซึ่งอยู่ในที่นับคะแนนได้เห็น เป็นผลให้ผู้ที่ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งได้คะแนนมากกว่าที่เป็นจริงและผู้ร้องทั้งสองได้คะแนนน้อยกว่าที่เป็นจริง และขอให้ศาลจังหวัดปัตตานีไต่สวนและตรวจสอบการตรวจนับคะแนนหากรับฟังได้ว่ามีการกระทำโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ของผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งผู้หนึ่งผู้ใด ขอให้ศาลสั่งว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้นเป็นผู้ได้รับเลือกโดยมิชอบ และสั่งให้ผู้ร้องทั้งสอบเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งโดยชอบ และหากรับฟังไม่ได้ว่าได้มีการกระทำโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ของผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งผู้หนึ่งผู้ใด ขอให้ศาลสั่งว่าไม่มีผู้สมัครรายใดได้รับการเลือกตั้ง ศาลจังหวัดปัตตานีเห็นว่า การที่ผู้ร้องทั้งสองขอให้ศาลจังหวัดปัตตานีมีคำสั่งว่าคำสั่งการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นคำสั่งทางปกครอง ไม่อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมจึงไม่รับคำร้องของผู้ร้องทั้งสองไว้พิจารณา
ผู้ร้องทั้งสองจึงได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเพื่อคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลตันหยง ศาลปกครองกลางเห็นว่า ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้น่าจะเป็นศาลยุติธรรม ศาลปกครองกลางไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา จึงไม่รับคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คือ ศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒มาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง หมายความถึง ศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่า การคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒ เป็นการคัดค้านหลังจากที่เทศบาลได้มีประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว อันเป็นการคัดค้านคำสั่งทางปกครองประการหนึ่ง เมื่อผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งยื่นคำร้องเพื่อขอให้ยกเลิกประกาศผลการเลือกตั้งของเทศบาล โดยอ้างว่า คณะกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทั้งสองหน่วยอ่านเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครไม่ตรงกับเครื่องหมายที่ปรากฏในบัตรเลือกตั้งและไม่ได้ชูขึ้นให้ผู้สมัครและประชาชนซึ่งอยู่ ณ ที่นับคะแนนได้เห็น เป็นผลให้ผู้ที่ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งได้คะแนนมากกว่าที่เป็นจริงและผู้ร้องทั้งสองได้คะแนนน้อยกว่าที่เป็นจริง เป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) อย่างไรก็ตาม มาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้บัญญัติว่า “เมื่อศาลได้รับคำร้องคัดค้านแล้ว ให้ดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโดยเร็ว โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งหรือผู้ได้รับเลือกตั้งที่มีส่วนได้เสียมีโอกาสต่อสู้การคัดค้านนั้น..” เป็นการบัญญัติให้ศาลที่พิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลต้องดำเนินการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อันเป็นวิธีพิจารณาคดีในศาลยุติธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บัญญัติกฎหมายยังมิได้ยกเลิกเขตอำนาจของศาลยุติธรรมในคดีนี้ และการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล วิธีพิจารณาคดีถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเป็นไปตามความมุ่งหมายของกฎหมาย หากให้ศาลปกครองต้องตัดสินคดีปกครองโดยใช้วิธีพิจารณาความแพ่งแทนที่จะใช้วิธีพิจารณาคดีปกครองย่อมจะไม่สอดคล้องกับระบบและ ความมุ่งหมายของกฎหมาย ดังนั้น ศาลยุติธรรมจึงเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๒
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลตันหยง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ของนายดอแม็ง ยูโซะ ผู้ร้องที่ ๑ และนายอับดุลเลาะ วาเด็ง ผู้ร้องที่ ๒ อยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดปัตตานี
นายธวัชชัย พิทักษ์พล หม่อมหลวงเฉลิมชัย เกษมสันต์
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
นายอักขราทร จุฬารัตน นายโภคิน พลกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
พลโท สมัยรบ สุทธิวาทนฤพุฒิ พลโท อาชวัน อินทรเกสร
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
นายพรชัย รัศมีแพทย์
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๓