คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7774/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายได้พูดกับจำเลยด้วยถ้อยคำว่า “มึงไม่นักเลง พ่อมึงถูกฆ่าตั้งแต่เล็ก ๆ มึงไม่มีน้ำยา” จำเลยตอบว่า “เสร็จแล้วก็ให้เสร็จกันไป” ผู้ตายพูดว่า “เสร็จแต่มึง กูไม่เสร็จ” ในบริเวณงานศพต่อหน้าผู้มาร่วมงานศพจำนวนหลายคน ทั้งผู้ตายถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่าบิดาจำเลย แต่ผู้ตายต่อสู้คดีจนพ้นความผิด พฤติการณ์ที่ผู้ตายกล่าวถ้อยคำต่อหน้าจำเลยและบุคคลอื่นอีกหลายคนตอกย้ำความรู้สึกของจำเลยว่าผู้ตายฆ่าบิดาจำเลยตั้งแต่จำเลยยังเป็นเด็ก แต่จำเลยก็ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะทำอะไรได้ แม้จำเลยจะพูดโต้ตอบไปว่าไม่ติดใจในเรื่องดังกล่าวอีกต่อไปแล้วก็ตามแต่ผู้ตายก็ยังพูดทำนองท้าทายจะเอาเรื่องกับจำเลยอีกย่อมเป็นการเย้ยหยันสบประมาทต่อจำเลยอย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองขึ้นมาโดยทันใดอย่างมาก ถือได้ว่าการกระทำของผู้ตายเป็นการข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยหยิบมีดพร้าในบริเวณที่เกิดเหตุฟันผู้ตายในขณะนั้น 1 ครั้ง ที่บริเวณศีรษะจนเป็นให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 72

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๓ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายวิรัตน์ มีชะนะ บุตรผู้ตาย ยื่นคำร้องเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๒๐ ปี คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ฟังข้อเท็จจริงได้ว่า ก่อนที่จำเลยจะฟันผู้ตาย ผู้ตายกับจำเลยมีการพูดโต้ตอบกันตาม คำพูดดังที่จำเลยฎีกา แล้วจำเลยจึงใช้มีดพร้าฟันผู้ตาย ๑ ครั้ง ถูกบริเวณศีรษะ ผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงมีปัญหา ข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะหรือไม่ เห็นว่า ผู้ตายได้พูดกับจำเลยด้วยถ้อยคำว่า “มึงไม่นักเลง พ่อมึงถูกฆ่าตายตั้งแต่เล็ก ๆ มึงไม่มีน้ำยา” จำเลยตอบว่า “เสร็จแล้วให้เสร็จกันไป” ผู้ตายพูดว่า “เสร็จแต่มึง กูไม่เสร็จ” ในบริเวณงานศพต่อหน้าผู้มาร่วมงานศพจำนวนหลายคน ทั้งข้อเท็จจริงได้ความตามคำเบิกความของนางฉ้อย มีชะนะ ภรรยาผู้ตายว่า ผู้ตายถูกกล่าวหาร่วมกันฆ่าบิดาจำเลย แต่ผู้ต่อสู้คดีจนพ้นความผิด พฤติการณ์ แห่งคดีในลักษณะเช่นนี้ ที่ผู้ตายกล่าวถ้อยคำต่อหน้าจำเลยและบุคคลอื่นอีกหลายคนตอกย้ำความรู้สึกของจำเลยว่า ผู้ตายฆ่าบิดาจำเลยตั้งแต่จำเลยยังเป็นเด็ก แต่จำเลยก็ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะทำอะไรได้ แม้จำเลยจะพูดโต้ตอบไปว่าไม่ติดใจในเรื่องดังกล่าวอีกต่อไปแล้วก็ตาม แต่ผู้ตายก็ยังพูดทำนองท้าทายจะเอาเรื่องกับจำเลยอีก ย่อมเป็นการเย้ยหยัน สบประมาทต่อจำเลยอย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองขึ้นมาโดยทันใดอย่างมาก ถือได้ว่าการกระทำของผู้ตายเป็นการข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ดังนั้น การที่จำเลยหยิบมีดพร้า ในบริเวณที่เกิดเหตุฟันผู้ตายในขณะนั้น ๑ ครั้ง ที่บริเวณศีรษะจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๗๒ จำคุก ๖ ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก ๔ ปี ริบของกลาง

Share