แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นหลักฐานทางวิชาการที่ น่าเชื่อถือและเชื่อได้ว่าจำเลยยังมิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย การที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมแล้วกอดปล้ำ ผู้เสียหาย ถอดเสื้อผ้าของผู้เสียหายออกเพื่อจะข่มขืนกระทำชำเราโดยมีเจตนาจะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย อวัยวะเพศของจำเลยคงจะเสียดสีกับอวัยวะเพศของผู้เสียหายจนทำให้เกิดรอยแดงด้านนอกของอวัยวะเพศของผู้เสียหายและหากอวัยวะเพศของจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายเยื่อพรหมจารีของผู้เสียหายคงต้องมีร่องรอยฉีกขาด การกระทำของจำเลยเป็นเพียงการลงมือกระทำความผิด แต่กระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล จึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย
ปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จหรืออยู่ในขั้นพยายามกระทำความผิดเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจขึ้นวินิจฉัยได้เองตามมาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 277, 317
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสุวรรณี มูละ มารดาผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก 317 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 6 ปี ฐานพรากผู้เยาว์ จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 11 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยซึ่งเคยเป็นครูของผู้เสียหายได้พาผู้เสียหายให้ไปพักนอนค้างคืนอยู่ที่โรงแรมลิฟว์อินน์หนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นจำเลยพาผู้เสียหายไปส่งเพื่อให้กลับบ้าน ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายหรือไม่ ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย นายแพทย์ยงยุทธ ภูมิชาติ พยานโจทก์เป็นผู้ตรวจร่างกายผู้เสียหายภายหลังเกิดเหตุและโจทก์ร่วมเบิกความประกอบผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ สรุปความเห็นว่า ไม่พบหลักฐานที่เกิดจากการร่วมประเวณี เห็นว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือจากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเชื่อได้ว่าจำเลยยังมิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แต่การที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมแล้วกอดปล้ำผู้เสียหาย ถอดเสื้อผ้าของผู้เสียหายออกเพื่อจะข่มขืนกระทำชำเรา โดยมีเจตนาจะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอวัยวะเพศของจำเลยคงจะเสียดสีกับอวัยวะเพศของผู้เสียหายจนทำให้เกิดรอยแดงด้านนอกอวัยวะเพศของผู้เสียหายและหากอวัยวะเพศของจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย เยื่อพรหมจารีของผู้เสียหายคงต้องมีร่องรอยฉีกขาด การกระทำของจำเลยเป็นเพียงการลงมือกระทำความผิด แต่กระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล จึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย
ปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จหรือยู่ในขั้นพยายามกระทำความผิดเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ประกอบมาตรา 80 วางโทษจำคุก 4 ปี เมื่อรวมกับโทษจำคุก 5 ปี ในความผิดฐานพรากผู้เยาว์แล้ว รวมเป็นจำคุก 9 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8