คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6826/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้ขนส่งสินค้าโดยเรือซินาร์ บาลี และเรือเอ็นวายเคไกจากท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ไปยังเมืองเซาแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ และปลายทางสุดท้ายที่เมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ ขณะสินค้ายังขนส่งไปไม่ถึงเมืองเซาแธมป์ตัน โจทก์ได้แจ้งจำเลยไม่ให้ปล่อยสินค้าแก่ผู้ใด ต่อมาเรือเอ็นวายเคไกเดินทางไปถึงเมืองเซาแธมป์ตัน และจำเลยตกลงเก็บสินค้าของโจทก์ไว้ที่คลังสินค้าของบริษัทตัวแทนจำเลย การที่บริษัทดังกล่าวได้ส่งมอบสินค้าของโจทก์ให้แก่บริษัทผู้ซื้อสินค้าจากโจทก์ โดยไม่ได้รับเวนคืนใบตราส่งเนื่องจากใบตราส่งอยู่ที่โจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
สำเนาคำสั่งศาลของประเทศอังกฤษเอกสารหมาย ล.1 ที่จำเลยอ้างเป็นเพียงสำเนา ไม่ปรากฏว่ามีการรับรอง สำเนาเอกสารจากผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องและโจทก์ไม่ได้ตกลงด้วยว่าสำเนาเอกสารนั้นถูกต้อง ทั้งจำเลยก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าเหตุที่อ้างส่งต้นฉบับไม่ได้เพราะเหตุใด เอกสารที่จำเลยอ้างนี้จึงต้องห้ามมิให้รับฟังตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93
ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า สินค้าในคดีนี้มีน้ำหนักเบ็ดเสร็จ 9,036.50 กิโลกรัม ซึ่งตามมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ. การรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 ให้จำกัดความรับผิดของจำเลยผู้ขนส่งไว้เพียง 27,095 บาท เป็นเรื่องนอกประเด็น เพราะจำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย
โจทก์มีคำขอท้ายคำฟ้องให้จำเลยชดใช้ราคาสินค้าเป็นเงินไทย การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและ การค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเป็นเงินต่างประเทศ เป็นการพิพากษานอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง จึงไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยคืนสินค้าแก่โจทก์ หากคืนสินค้าไม่ได้ให้จำเลยชำระเงิน ๖๐๐,๙๔๕.๕๓ บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีต้นเงิน ๕๙๘,๔๘๖ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑๕,๒๖๗.๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๒ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่โจทก์ และให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงใน เบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๔๑ โจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยให้ขนส่งสินค้าเครื่องออกกำลังกายเอบีเวอกส์บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ โดยเรือซินาร์ บาลี และเรือเอ็นวายเคไก จากท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ไปยังเมืองเซาแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ และปลายทางสุดท้ายที่เมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๑ ซึ่งขณะนั้นสินค้ายัง ขนส่งไปไม่ถึงเมืองเซาแธมป์ตัน โจทก์ได้แจ้งจำเลยไม่ให้ปล่อยสินค้าแก่ผู้ใด วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ เรือเอ็นวายเคไก เดินทางไปถึงเมืองเซาแธมป์ตัน ประมาณวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ จำเลยตกลงเก็บสินค้าของโจทก์ไว้ที่คลังสินค้าของบริษัทฟริทซ์ คัมปะนี (ประเทศอังกฤษ) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำเลย ต่อมาประมาณกลางเดือนมกราคม ๒๕๔๒ บริษัทดังกล่าวได้ส่งมอบสินค้าของโจทก์ให้แก่บริษัทนอร์ดิคแทรค จำกัด ผู้ซื้อสินค้าจากโจทก์ โดยไม่ได้รับเวนคืน ใบตราส่งเนื่องจากใบตราส่งอยู่ที่โจทก์
มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการแรกว่า จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า บริษัทฟริทซ์ คัมปะนี (ประเทศอังกฤษ) จำกัด ส่งมอบสินค้าให้บริษัทนอร์ดิคแทรค จำกัด ผู้ซื้อเพราะคำสั่งศาลของประเทศอังกฤษอันเป็นเหตุสุดวิสัย มิใช่ความผิดของจำเลย จำเลยจึงไม่ใช่เป็นผู้ผิดสัญญารับขนส่งต่อโจทก์ ข้อนี้จำเลยมีพนักงานของจำเลยเป็นพยานเบิกความว่า ประมาณกลางเดือนมกราคม ๒๕๔๑ (ที่ถูก ๒๕๔๒) บริษัทฟริทซ์ คัมปะนี (ประเทศอังกฤษ) จำกัด ได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าตู้คอนเทนเนอร์ของโจทก์ถูกศาลของ ประเทศอังกฤษมีคำสั่งให้ส่งมอบแก่บริษัทนอร์ดิคแทรค จำกัด ซึ่งบริษัทฟริทซ์ คัมปะนี (ประเทศอังกฤษ) จำกัด ก็ได้ส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ให้แก่บริษัทนอร์ดิคแทรค จำกัด ตามคำสั่งแล้วและได้ส่งโทรสารคำสั่งศาลมาให้จำเลย ตามสำเนาคำสั่งศาลเอกสารหมาย ล. ๑ เห็นว่า เอกสารที่จำเลยอ้างดังกล่าวเป็นเพียงสำเนา ไม่ปรากฏว่ามีการรับรองสำเนาเอกสารนั้นจากผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และโจทก์ไม่ได้ตกลงด้วยว่าสำเนาเอกสารดังกล่าวนั้นถูกต้องทั้งจำเลยก็มิได้นำสืบให้เห็นว่า เหตุที่อ้างส่งต้นฉบับไม่ได้เพราะเหตุใด ดังนั้น เอกสารที่จำเลยอ้างนี้จึงต้องห้ามมิให้รับฟังดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๓ ข้อนำสืบของจำเลยที่จะแสดงให้เห็นว่ามีคำสั่งศาลของประเทศอังกฤษให้ส่งสินค้าของโจทก์แก่บริษัทนอร์ดิคแทรค จำกัด คงมีแต่คำเบิกความของพนักงานของจำเลย ซึ่งก็เบิกความโดยอ้างเอาเอกสารหมาย ล. ๑ ซึ่งได้วินิจฉัยแล้วว่ารับฟังเป็นพยานไม่ได้ จึงเป็นเพียงคำเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน ดังนี้ ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าบริษัทฟริทซ์ คัมปะนี (ประเทศอังกฤษ) จำกัด ส่งมอบ สินค้าของโจทก์ให้แก่บริษัทนอร์ดิคแทรค จำกัด เป็นเพราะคำสั่งศาลของประเทศอังกฤษ จึงรับฟังไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ ความว่าบริษัทฟริทซ์ คัมปะนี (ประเทศอังกฤษ) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำเลยได้ส่งมอบสินค้าของโจทก์ ให้แก่บริษัทนอร์ดิคแทรค จำกัด ผู้ซื้อสินค้าจากโจทก์ โดยไม่ได้รับเวนคืนใบตราส่ง จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ประการสุดท้ายว่า สินค้าในคดีนี้มีน้ำหนักเบ็ดเสร็จ ๙,๐๓๖.๕๐ กิโลกรัม ซึ่งตามมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ ให้จำกัดความรับผิดของจำเลยผู้ขนส่งไว้เพียง ๒๗,๐๙๕ บาท นั้น เป็นเรื่องนอกประเด็นจากข้อต่อสู้ของจำเลยเพราะจำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย
อนึ่ง คดีนี้โจทก์มีคำขอท้ายคำฟ้องให้จำเลยชดใช้ราคาสินค้าเป็นเงินไทยที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและ การค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเป็นเงินต่างประเทศ เป็นการพิพากษานอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง จึงไม่ถูกต้อง และเห็นสมควรแก้ไข ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของ ประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระราคาสินค้าเป็นเงิน ๕๙๘,๔๘๖ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๖,๐๐๐ บาท แทนโจทก์.

Share