คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5546/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ซื้อที่ดินพิพาทจาก พ.แล้วให้จำเลยครอบครองแทน จำเลยให้การว่าจำเลยซื้อที่ดินพิพาทจาก พ. และครอบครองตลอดมา คดีไม่มีประเด็นเรื่องจำเลยครอบครองแทนแล้วเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการครอบครอง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะการครอบครอง จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยแย่งการครอบครองขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อที่ดินพิพาทมาประมาณ ๒๕ ปี และเข้าครอบครองตลอดมา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินตามแผนที่พิพาทกลาง โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองให้จำเลยส่งมอบที่พิพาทคืนโจทก์กับห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยแจ้งกับโจทก์ว่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อต้องการเอาเป็นเจ้าของนั้น แสดงว่าเป็นการบอกกล่าวให้โจทก์ทราบว่าจำเลยไม่เจตนาครอบครองที่ดินแทนโจทก์อีกต่อไป จึงถือได้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่ดินจากโจทก์ตั้งแต่วันที่บอกกล่าว แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองเกินกว่าหนึ่งปีจึงต้องห้าม แม้ว่าจำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การศาลมีอำนาจจะพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้ เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะฟ้องได้โดยชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์นำคดีมาฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองเกินกว่า ๑ ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองนั้น เป็นการต้องห้าม เพราะวินิจฉัยนอกเหนือประเด็นที่จำเลยให้การ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าได้ซื้อที่ดินพิพาทจากนายพิณ ละอองจิต แล้วให้จำเลยครอบครองแทนภายหลังจำเลยนำที่ดินพิพาทไปออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และไม่ยอมคืนที่ดินให้โจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ส่วนจำเลยให้การว่าจำเลยซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายพิณ ละอองจิต และได้ครอบครองตลอดมา ขณะนี้ที่ดินตกเป็นของนายเหลื่อม ทองเพ็งแล้ว เห็นว่าจำเลยให้การแต่เพียงว่าได้ซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายพิณ และได้ครอบครองตลอดมาเท่านั้น ไม่มีประเด็นเรื่องจำเลยครอบครองแทนแล้วปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการครอบครองตามมาตรา ๑๓๘๑ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่มีทางที่จะอ้างสิทธิตามมาตรา ๑๓๗๕ ได้ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยจากคำพยานของโจทก์ว่า จำเลยแจ้งกับโจทก์ว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อต้องการเอาเป็นเจ้าของนั้น เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือประเด็นจากประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ในคำให้การ และไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share