แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อสืบพยานโจทก์ได้ได้สองปาก โจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่า ถ้า ล.เบิกความว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยยอมแพ้ ถ้า ล.เบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้ เป็นการที่โจทก์จำเลยขอถือเอาคำเบิกความของ ล.ผู้เดียวเป็นข้อสำคัญที่จะให้โจทก์หรือจำเลยแพ้คดี และเฉพาะประการเดียวว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลยเป็นการสละข้ออื่น ๆ ตามคำฟ้อง คำให้การ และพยานหลักฐานที่ได้เสนอต่อศาลมาแล้วทั้งหมด ฉะนั้น เมื่อ ล. เบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยต้องแพ้คดี จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาว่า คำเบิกความของ ล.ฟังไม่ได้ ขัดกับคำฟ้อง คำเบิกความของพยานโจทก์อื่นและเป็นคำเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานสนับสนุนหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ได้รับมรดกจากบิดามารดา จำเลยบุกรุกไปทำนาทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของสามีจำลย จำเลยกับสามีครอบครองประมาณ ๒๐ ปี สามีตาย จำเลยกับบุตรครอบครองตลอดมา ค่าเสียหายสูงไป คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นฟังว่า พระภิกษุเลี่ยง พัทโร ซึ่งคู่ความท้ากันให้ถือพยานปากนี้เป็นสำคัญ ให้การว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์จำเลยท้ากันขอให้สืบพระภิกษุเลี่ยง พัทโร เป็นพยานร่วมกันเพียงปากเดียว หลังจากสืบพยานโจทก์ได้ ๒ ปาก ถ้าโจทก์ต้องการจะให้ศาลนำคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองมาร่วมวินิจฉัย ก็น่าจะระบุไว้ด้วย แต่ตามคำท้าระบุไว้ชัดว่า ถ้าพระภิกษุเลี่ยงให้การว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยยอมแพ้ ถ้าพระภิกษุเลี่ยงให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ยอมแพ้ เป็นการถือเอาคำเบิกความของพระภิกษุเลี่ยงแต่ผู้เดียวเป็นข้อสำคัญที่ศาลจะตัดสินให้โจทก์หรือจำเลยแพ้คดี และเฉพาะในประการเดียวที่ว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลย สละข้ออื่น ๆ ตามฟ้อง คำให้การ และพยานหลักฐานที่เสนอต่อศาลมาแล้วทั้งหมด เมื่อพระภิกษุเลี่ยงเบิกความชัดว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ พระภิกษุเลี่ยงมอบให้โจทก์ตอนโจทก์แต่งงาน ตรงตามข้อที่ตกลงท้ากันแล้ว จำเลยต้องแพ้คดี จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาว่า คำเบิกความของพระภิกษุเลี่ยงฟังไม่ได้ ขัดกับฟ้อง คำเบิกความของโจทก์ที่ว่า โจทก์รับมรดกที่พิพาทจากบิดามารดาและเป็นคำเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานสนับสนุน ทั้งคำเบิกความของพยานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ หาได้ไม่ เพราะไม่เป็นไปตามข้อตกลงท้ากัน ซึ่งมีเพียงว่าพระภิกษุเลี่ยงจะเบิกความว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลยเท่านั้น ส่วนรายละเอียดว่าจะได้มาโดยเหตุอย่างใด คู่ความก็ไม่ถือว่าเป็นข้อสำคัญและสละกันแล้วโดยปริยาย จึงไม่ได้กำหนดลงไว้ในข้อหา ส่วนที่ว่าคำเบิกความของพระภิกษุเลี่ยงเป็นคำเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน และพยานโจทก์อื่นไม่น่าเชื่อถือ ก็ปรากฏข้อท้าให้ตกลงฟังแต่คำเบิกความของพระภิกษุเลี่ยงเพียงปากเดียว ไม่ได้ทำให้สืบหรือนำพยานอื่นมาประกอบหรือสนับสนุน สำหรับพยานโจทก์อื่นจะน่าเชื่อถือหรือไม่ ศาลมิได้นำมาวินิจฉัย ทั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงท้าของโจทก์จำเลย
พิพากษายืน.