แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นคนเชื้อชาติจีนเกิดในราชอาณาจักรไทย แต่ได้ถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยมิได้ประสงค์จะถือสัญชาติไทยตั้งแต่ พ.ศ.2491 ตลอดมาจนพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 ใช้บังคับซึ่งมาตรา 21 บัญญัติให้ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว ถ้าได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้วให้เสียสัญชาติไทยดังนี้บทบัญญัติแห่งมาตรา 21 ดังกล่าวจึงมีผลถึงจำเลยซึ่งถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ แม้มาตรา 21 ดังกล่าวจะมิได้บัญญัติความว่าให้ขาดจากสัญชาติไทยไม่ว่าจะได้รับใบสำคัญประจำตัวก่อนหรือหลังวันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับก็ตามก็ไม่เป็นผลให้แตกต่างกันอย่างไรเมื่อจำเลยไม่ต่อใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจำเลยย่อมมีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นคนต่างด้าว เชื้อชาติจีน สัญชาติจีนไหหลำถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวออกให้เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๙๑ และได้หมดอายุลงในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๑๖ จำเลยมีหน้าที่ต้องขอต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของจำเลยภายใน ๗ วัน นับแต่วันหมดอายุแต่จำเลยไม่ได้แจ้งขอต่ออายุแต่อย่างใดขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.๒๔๙๓ มาตรา ๑๓, ๒๐ พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๕ มาตรา ๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราที่อ้างท้ายฟ้องให้ปรับ ๕๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๑ เป็นต้นมา และจำเลยมิได้ต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๑๖ จริง แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยว่าแม้จำเลยจะเกิดในราชอาณาจักรไทยแต่จำเลยได้ถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๑ แสดงว่าจำเลยมิได้ประสงค์จะถือสัญชาติไทยต่อมาจำเลยได้เสียสัญชาติไทยไปตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๔๙๕ มาตรา ๑๖ ทวิ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๔๙๖ มาตรา ๕ เพราะถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวเมื่อจำเลยกลับได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๙๙ ซึ่งได้ยกเลิกมาตรา ๑๖ ทวินั้นแล้วจำเลยก็ยังถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตลอดมาจนพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ใช้บังคับซึ่งมาตรา ๒๑ บัญญัติให้ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทย เพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าวถ้าได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้วให้เสียสัญชาติไทยบทบัญญัติแห่งมาตรา ๒๑ ดังกล่าวจึงมีผลถึงจำเลยซึ่งถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับแม้มาตรา ๒๑ ดังกล่าวจะมิได้บัญญัติความว่า “ให้ขาดจากสัญชาติไทย ไม่ว่าจะได้รับใบสำคัญประจำตัวก่อนหรือหลังวันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ” ก็ไม่เป็นผลให้แตกต่างกันอย่างไรดังฎีกาของจำเลย จำเลยไม่ต่อใบอนุญาตประจำตัวคนต่างด้าวจำเลยย่อมมีความผิดฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน