คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อ พ.ศ. 2495 ย.สามีของจำเลยทำหนังสือจ้างโจทก์ให้ยกร่องสวนในที่ดินของ ย.ให้เสร็จภายใน 3 ปี และปลูกมะพร้าวกับคอยดูแล 5 ปี แล้วจะยกที่ดินตอนเหนือให้โจทก์ 3 ไร่ ทำสัญญากันแล้วโจทก์ปลูกกระต๊อบอยู่ในที่ดินที่ตกลงกันไว้นี้ตลอดมา โจทก์ได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาแล้ว เมื่อ พ.ศ. 2499 ย.ได้ขอออกโฉนดที่ดินแปลงนี้ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2507 ย.ได้ขอแบ่งแยกที่ดินด้านเหนือออกเป็นอีกโฉนดหนึ่งต่างหากมีเนื้อที่ 3 ไร่ เป็นการแสดงเจตนาว่าจะแบ่งแยกให้โจทก์ตามสัญญา การที่โจทก์อยู่ในที่ดินแปลงที่ตกลงกันนี้ตลอดมาโดย ย.ไม่ทักท้วงและไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินส่วนนี้นับแต่ครบกำหนดตามสัญญา ทั้งยังได้ขอแบ่งแยกที่ดินเป็นอีกโฉนดหนึ่งต่างหาก มีเนื้อที่ 3 ไร่ตรงตามสัญญา เป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่า ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตลอดมา อันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 จนเมื่อก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ราว 5 เดือน ย.ถึงแก่ความตายและจำเลยผู้เป็นทายาทปฏิเสธไม่ยอมรับรู้ ไม่ยอมโอนกรรมสิทธิที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นจึงสิ้นสุดลง อายุความเริ่มนับใหม่ตั้งแต่นั้น ไม่ว่าจะเป็นอายุความ 10 ปี หรือ 2 ปี คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความในการฟ้องให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๕ นายย่งฮะ เฮงชัยศรี สามีจำเลยได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ให้ยกร่องทำเป็นสวนมะพร้าวในที่ดินของนายย่งฮะ เฮงชัยศรี โดยมีข้อตกลงจะยกที่ดินตอนเหนือเนื้อที่ ๓ ไร่ให้ โจทก์ได้ปลูกกระต๊อบอยู่อาศัยในที่ดินนี้ตลอดมา และได้ยกร่องสวนมะพร้าวให้แก่นายย่งฮะครบถ้วนถูกต้องตามสัญญา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ นายย่งฮะได้ขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินเพื่อยกให้โจทก์ทางด้านเหนือ เนื้อที่ ๓ ไร่ตามที่สัญญากันไว้ และได้รับโฉนดแบ่งแยกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ คือโฉนดเลขที่ ๖๖๓๐ ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อราว ๕ เดือนมานี้ นายย่งฮะถึงแก่กรรม โจทก์ได้ขอให้จำเลยซึ่งเป็นภริยานายย่งฮะจัดการขอรับมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๖๓๐ แล้วยกกรรมสิทธิ์ตามสัญญาที่นายย่งฮะทำไว้ จำเลยปฏิเสธ จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยขอรับมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๖๓๐ ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร เนื้อที่ ๓ ไร่ ของนายย่งฮะ เฮงชัยศรี แล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า นายย่งฮะ เฮงชัยศรี ได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องจริง แต่บ้านที่โจทก์อ้างว่าปลูกอยู่อาศัยในที่ดินของนายย่งฮะ เฮงชัยศรี นั้นเป็นของนายย่งฮะ มิใช่เป็นของโจทก์ โจทก์เข้าอาศัยในที่ดินของนายย่งฮะ แต่มิได้ยกร่องในที่ดิน ๘ ไร่เศษให้แก่นายย่งฮะ เฮงชัยศรีตามสัญญา เป็นการผิดสัญญา นายย่งฮะ เฮงชัยศรี ต้องจ้างผู้อื่นมายกลูกร่องแทน ทั้งโจทก์ผิดสัญญาไม่ดูแลตรวจตราและบำรุงรักษาต้นมะพร้าวปล่อยให้ตายไปหมด และกระทำผิดสัญญาไม่ปลูกไม้ยืนต้นให้แก่นายย่งฮะ เฮงชัยศรี และโจทก์ได้แจ้งแก่นายย่งฮะ เฮงชัยศรี ว่าไม่ขอเอาที่ดิน ๓ ไร่ตามที่ตกลงกันไว้ เพียงแต่ขออาศัยอยู่และดูแลที่ดินให้ ขอข้าวสารและปลาบ้างก็พอ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ที่ดิน ๓ ไร่ตามสัญญา โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อล่วงเลยเวลา ๑๐ ปีนับแต่วันที่อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้อง คือวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๐ และโจทก์ฟ้องในฐานะผู้รับจ้างเรียกเอาสินจ้างเพื่อการงานที่ทำเกิน ๒ ปี คดีโจทก์ขาดอายุความ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่ทราบว่าอาศัยสิทธิอะไรมาฟ้อง จำเลยมิใช่คู่สัญญากับโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์จำเลยแล้ว ตามคำฟ้องและคำให้การรับกันว่า เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๕ โจทก์กับนายย่งฮะ เฮงชัยศรี ได้ทำสัญญากับตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง (เอกสารหมาย จ.๑) มีข้อความว่า นายย่งฮะ เฮงชัยศรี จ้างโจทก์ยกร่องสวนให้สำเร็จภายใน ๓ ปี และโจทก์ต้องปลูกมะพร้าวกับคอยดูแลต้นมะพร้าวนั้นมีกำหนด ๕ ปี เมื่อโจทก์ทำตามสัญญา นายย่งฮะ เฮงชัยศรี ยอมยกที่ดินด้านทิศเหนือให้โจทก์ ๓ ไร่
ข้อเท็จจริงฟังได้จากพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยว่า หลังจากทำสัญญากันแล้ว โจทก์ปลูกกระต๊อบอยู่ในที่ดินของนายย่งฮะ เฮงชัยศรี แปลงที่ตกลงกันตามสัญญาและยังคงอยู่ในที่แปลงนี้ตลอดมา นายย่งฮะ เฮงชัยศรี ได้ขอออกโฉนดที่ดินแปลงนี้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙ ตามเอกสารหมาย จ.๒ มีเนื้อที่ ๒๓ ไร่ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ ได้ขอแบ่งแยกที่ดินด้านทิศเหนือออกเป็นอีกโฉนดหนึ่งต่างหากจากที่ดินแปลงนั้น มีเนื้อที่ ๓ ไร่ ตามเอกสารหมาย จ.๓ หลังจากที่โจทก์รับจ้างดูแลที่ดินแปลงนี้ ที่ดินเตียนตลอดมา เพิ่งมารกเมื่อ ๔-๕ ปีมานี้
พิจารณาเหตุผลแห่งคำพยานบุคคลของโจทก์จำเลยประกอบกับพยานเอกสาร ศาลฎีกาเชื่อว่าไม่ได้มีการเลิกสัญญาตามที่จำเลยอ้าง และโจทก์ได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญา มิฉะนั้นนายย่งฮะ เฮงชัยศรี คงไม่ยอมให้โจทก์อยู่ในที่ดินตลอดมาเป็นเวลาหลายปี และการที่นายย่งฮะ เฮงชัยศรีไปขอแบ่งแยกโฉนดจากที่ดินแปลงใหญ่ออกเป็นโฉนดอีกแปลงหนึ่งต่างหากทางด้านทิศเหนือตรงตามสัญญา ย่อมเป็นการแสดงเจตนาของนายย่งฮะ เฮงชัยศรีว่าจะแบ่งแยกให้โจทก์ตามสัญญาซึ่งทำกันไว้
ปัญหาต่อไปมีว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า หลังจากทำสัญญากันแล้ว โจทก์อยู่ในที่ดินแปลงที่ตกลงกันตามสัญญาตลอดมา โดยนายย่งฮะ เฮงชัยศรี ไม่ทักท้วงและไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินส่วนนี้นับแต่ครบกำหนดตามสัญญา ทั้งนายย่งฮะ เฮงชัยศรียังได้ขอแบ่งแยกที่ดินด้านทิศเหนือออกเป็นอีกโฉนดหนึ่งต่างหาก มีเนื้อที่ ๓ ไร่ ตรงตามสัญญา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตลอดมา อันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้น มาสิ้นสุดลงเมื่อนายย่งฮะ เฮงชัยศรีถึงแก่ความตายก่อนโจทก์ฟ้องราว ๕ เดือน และจำเลยผู้เป็นทายาทของนายย่งฮะ เฮงชัยศรีปฏิเสธไม่ยอมรับรู้และไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา อายุความเริ่มนับใหม่ตั้งแต่นั้น ซึ่งเมื่อนับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง ๑ ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นอายุความ ๑๐ ปี หรือ ๒ ปี
พิพากษากลับให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๖๓๐ ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจำเลยได้โอนใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของแล้วตามสำเนาเอกสารหมาย จ.๓ ให้โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

Share