คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้
แม้พยานหลักฐานของอัยการโจทก์จะไม่พอฟังว่าจำเลยได้ร่วมกันชิงทรัพย์ของผู้เสียหายแต่ความผิดฐานชิงทรัพย์นี้ อัยการโจทก์บรรยายฟ้องรวมความผิดฐานทำร้ายร่างกายอยู่ด้วย และคดีฟังได้ว่าจำเลยได้ทำร้ายผู้เสียหายบาดเจ็บ ศาลจึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลพิจารณารวมกัน สำนวนแรกนายปันเป็นโจทก์ฟ้องนายเลื่อนเป็นจำเลยว่า จำเลยบังอาจใช้อาวุธสนับมือชกทำร้ายร่างกายโจทก์หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว และป่วยเจ็บจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า ๒๐ วัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ (๔) (๘)
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไป
นายเลื่อน แก้วมะคำ จำเลยให้การปฏิเสธ
ส่วนสำนวนหลังโจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจร่วมกันชิงเอารถจักรยานสองล้อ ๑ คัน ของนายบุญเลื่อน แก้วมะคำ ไป โดยจำเลยใช้กำลังประทุษร้ายชกต่อยนายบุญเลื่อน และได้ใช้ไม้เป็นอาวุธตีทำร้ายนายบุญเลื่อนด้วย ขอให้ลงโทษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙,๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
นายบุญเลื่อนหรือเลื่อน แก้วมะคำ ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า นายปันกับนายใจจำเลยร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังกายประทุษร้ายชกต่อยและใช้ไม้เป็นอาวุธตีทำร้ายนายบุญเลื่อนหรือเลื่อนโจทก์ร่วม ได้รับอันตรายแก่กายบาดเจ็บ จึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ ส่วนคดีที่นายปัน ใจสูง เป็นโจทก์ฟ้องนายบุญเลื่อนหรือเลื่อนฟังว่า นายบุญเลื่อนหรือเลื่อนทำร้ายนายปัน ใจสูง ได้รับอันตรายสาหัสจริง แต่เป็นการป้องกันตัวและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ นายบุญเลื่อนหรือเลื่อนจึงไม่มีความผิด พิพากษาว่านายปัน ใจสูง นายใจ อินทนนท์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙,๘๓ ให้จำคุกคนละ ๔ ปี ให้ยกฟ้องคดีที่นายปัน ใจสูง เป็นโจทก์ ปล่อยนายบุญเลื่อนหรือเลื่อน
นายปัน ใจสูง นายใจ อินทนนท์ อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานชิงทรัพย์เฉพาะนายปัน ใจสูง อุทธรณ์ขอให้ลงโทษนายบุญเลื่อนหรือเลื่อนในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายถึงสาหัสตามฟ้องด้วย
ศาลอุทธรณ์ปรึกษาแล้ว ไม่เชื่อว่านายปัน ใจสูง นายใจ อินทนนท์ ชิงรถจักรยานของนายบุญเลื่อนหรือเลื่อน แต่เชื่อว่านายบุญเลื่อนหรือเลื่อนทำร้ายนายปัน ใจสูง ถึงสาหัส พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า นายบุญเลื่อนหรือเลื่อนจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ (๘) จำคุกหกเดือน ให้ยกฟ้องคดีของพนักงานอัยการจังหวัดลำพูนโจทก์ และนายบุญเลื่อนโจทก์ร่วม ปล่อยนายปัน นายใจ จำเลย
พนักงานอัยการจังหวัดลำพูน และนายบุญเลื่อนหรือเลื่อนฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นายปันและนายบุญเลื่อนโต้เถียงกันก่อนแล้วจึงได้ชกต่อยกัน และไม่ปรากฏว่านายใจได้เข้าร่วมชกต่อยนายบุญเลื่อนด้วย กรณีเป็นเรื่องนายปันกับนายบุญเลื่อนต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน นายปันจึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ศาลลงโทษนายบุญเลื่อนได้ ส่วนในข้อหาว่านายปันกับนายใจร่วมกันชิงรถจักรยานของนายบุญเลื่อนนั้น พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่านายปันนายใจได้ร่วมกันชิงรถจักรยานของนายบุญเลื่อนดังฟ้อง แต่ความผิดฐานชิงทรัพย์ โจทก์บรรยายฟ้องรวมความผิดฐานทำร้ายร่างกายอยู่ด้วย และคดีฟังได้ว่านายปันผู้เดียวได้ทำร้ายนายบุญเลื่อนบาดเจ็บ จึงลงโทษนายปันในความผิดฐานนี้ได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า นายปัน ใจสูง จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ให้จำคุกนายปัน ใจสูง จำเลยสามเดือน แต่นายปัน ใจสูง จำเลย ต้องขังมาพอแก่โทษแล้ว ให้ปล่อยตัวไป ให้ยกฟ้องคดีที่นายปัน ใจสูง เป็นโจทก์.

Share