คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษ เป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ผู้ตายเมาสุราแล้วเข้ากอดปล้ำภรรยาจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้มีแทงผู้ตายไปหลายที จนกระทั้งผู้ตายขาดใจตาย การที่ผู้ตายชกต่อยจำเลยโดยไม่มีอาวุธแต่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายจนถึงตาย เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
เมื่อจำเลยได้ฆ่าผู้ตายแล้ว จำเลยได้มอบตัวแก่เจ้าพนักงาน แต่จำเลยไม่ได้ให้ความสัจความรู้อันจะเป็นประโยชน์แก่ทางพิจารณาต่อศาลอย่างตรงไปตรงมา จำเลยยังเบี่ยงบ่ายต่อสู้คดีอ้างป้องกันอันเป็นเหตุที่จะไม่ต้องรับผิด จำเลยจึงไม่ควรได้รับการลดให้มากถึงกึ่งหนึ่งอันเป็นการลดโทษจนเต็มที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 พิพากษาแก้ให้ลดโทษให้จำเลยเพียง 1 ใน 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดแทงนายวิรัชจนถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การรับว่าได้แทงผู้ตายจริง แต่อ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยฆ่าผู้ตายด้วยเจตนา แต่กระทำไปเพราะบันดาลโทสะ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๗๒ จำคุก ๘ ปี ลดให้ ๑ ใน ๔ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ ปี ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นเรื่องน่าเห็นใจจำเลยอย่างมาก พิพากษาแก้ให้จำคุก ๔ ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ ปี รอการลงโทษ ๕ ปี ตามมาตรา ๕๖
โจทก์ฎีกาว่าไม่เป็นบันดาลโทสะและขอให้ลงโทษโดยไม่รอ หากจะลดโทษให้ ก็ไม่ควรให้กึ่งหนึ่ง
จำเลยแก้ฎีกาว่า ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษ จึงเป็นการแก้ไขมาก โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้สำหรับฎีกาของโจทก์นั้นศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยโดยตลอดแล้ว เชื่อข้อเท็จจริงว่าผู้ตายเมาสุราแล้วเข้ากอดปล้ำภรรยาจำเลยก่อนเมื่อจำเลยเข้าไปกระชากตัวผู้ตายออกมา ผู้ตายยังได้ชกต่อยจำเลยอีก จำเลยจึงได้ใช้มีดแทงผู้ตายไปหลายทีจนกระทั่งผู้ตายล้มลงขาดใจตาย ที่จำเลยต่อสู้ว่าผู้ตายทำท่าล้วงกระเป๋า เข้าใจว่าผู้ตายจะชักปืนยิง จึงใช้มีดแทงผู้ตายนั้น เห็นว่าไม่น่าเชื่อที่ศพผู้ตายก็ไม่มีปืน เรื่องอะไรผู้ตายจะเอามือล้วงกระเป๋าขณะกำลังต่อสู้กัน การที่ผู้ตายชกต่อยจำเลยโดยไม่มีอาวุธ แต่จำเลยได้ใช้มีดแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตายจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙ ในเรื่องการลดโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยกระทำผิดแล้ว ได้รู้สึกผิดชอบเข้ามอบตัวแก่เจ้าพนักงานเพื่อต่อสู้คดีชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทราบ แต่จำเลยก็มิได้ให้ความสัจความรู้อันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาต่อศาลอย่างตรงไปตรงมาจำเลยยังเบี่ยงบ่ายต่อสู้คดี อ้างเหตุที่จะไม่ต้องรับผิด โดยอ้างว่าได้กระทำไปเพื่อป้องกันเกียรติยศและป้องกันตัว ซึ่งไม่ควรมีความผิด ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีเช่นนี้จำเลยไม่ควรได้รับการลดโทษให้มากถึงกึ่งหนึ่ง อันเป็นการลดโทษจนเต็มที่ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๖๙ ให้จำคุก ๔ ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๒ ปี ๘ เดือน โทษของจำเลยไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะรอการลงโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share