แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียก และสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่บ้านเรือนของจำเลยไม่พบจำเลยบุตรของจำเลยว่าจำเลยไปธุระแต่ไม่ยอมรับหมายแทนแล้วโจทก์ยังแถลงยืนยันว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ตามฟ้องและว่าส่วนมากจำเลยจะอยู่บ้านไม่ค่อยจะไปไหน ดังนี้จะถือว่ากรณีเป็นเรื่องไม่สามารถส่งโดยวิธีธรรมดาได้ยังไม่ชอบ ถ้าศาลสั่งอนุญาตให้ลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายโดยวิธีธรรมดาก็เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 จะถือว่าจำเลยได้ทราบประกาศการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแล้วโดยผลของกฎหมายไม่ได้ และการส่งคำบังคับก็ได้กระทำโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์อีก ย่อมเป็นกระบวนพิจารณาที่ขัดต่อกฎหมายเช่นกัน ต่อมาจำเลยถูกยึดทรัพย์เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้อง และการส่งคำบังคับกระทำไปโดยไม่ชอบ จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ไปจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันขอให้บังคับให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระก็ขอให้บังคับให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทน
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโดยสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแก่โจทก์ ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ ให้บังคับให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทน
โจทก์ยื่นคำแถลงว่าจำเลยทั้งสองไม่มีตัวอยู่ ณ บ้านเรือน ขอให้มีคำสั่งบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์ ศาลสั่งให้ประกาศคำบังคับทางหนังสือพิมพ์เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยทั้สองไม่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ขอให้ศาลบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยที่ ๒ โดยอ้างว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีทรัพย์สิน ศาลออกหมายบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๑๓ ว่า จำเลยที่ ๒ ไม่เคยทราบว่าได้ถูกฟ้องเลย จำเลยที่ ๒ ไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันไว้กับโจทก์ การประกาศทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะโจทก์ทราบที่อยู่ของจำเลยที่ ๒ ดี เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ขอให้ศาลเพิกถอนและให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งว่าข้อค้านเรื่องผิดระเบียบมิได้กล่าวล้างก่อนศาลมีคำพิพากษาจึงให้ยกคำร้อง
วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๓ จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ ๒ มิได้จงใจขาดนัด ขอให้พิจารณาใหม่อีกครั้งศาลสั่งว่าคำร้องของจำเลยที่ ๒ ยังไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๗, ๒๐๘ ให้ยกคำร้องในวันเดียวกันนั้น จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องใหม่อีกว่าเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๑๓ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดนครปฐมไปยึดทรัพย์ของจำเลยที่ ๒ โดยจำเลยที่ ๒ มิได้ทราบเลยว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๒ โจทก์ให้พนักงานของศาลจังหวัดนครปฐมไปส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้แก่จำเลยที่ ๒ ที่บ้านอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ ๒ เมื่อไม่พบเพราะจำเลยที่ ๒ ไปธุระที่ตลาดบ้านโป่ง ไม่มีผู้รับแทนโจทก์ไม่ขวนขวายหาหลักฐานมาแสดงต่อศาลว่าจำเลยที่ ๒ มีภูมิลำเนาที่พอจะให้ปิดหมายได้ และโจทก์สามารถส่งหมายตามวิธีธรรมดาได้ แต่โจทก์กลับขอให้ศาลประกาศทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมาย จำเลยที่ ๒ อยู่ในชนบทห่างไกล ไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงประกาศจะอ่านเป็นความผิดของโจทก์ที่ดำเนินคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาและหากศาลได้ฟังข้อเท็จจริงจากจำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาและหากศาลได้ฟังข้อเท็จจริงจากจำเลยที่ ๒ และตรวจดูลายมือชื่อในสัญญาค้ำประกันแล้ว ศาลจะไม่พิพากษาให้จำเลยที่ ๒ รับผิดในหนี้ที่ฟ้อง จึงขอให้มีคำสั่งนัดไต่สวนและให้จำเลยที่ ๒ ยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่าจำเลยที่ ๒ บรรยายความในคำร้องมิได้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๙ ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ากรณีเรื่องนี้จะถือว่าเป็นเรื่องไม่สามารถจะส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยวิธีธรรมดาได้หาชอบไม่ ที่ศาลชั้นต้นให้ลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายโดยวิธีธรรมดา จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๗๙ จะถือว่าจำเลยที่ ๒ ได้ทราบประกาศการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแล้วไม่ได้ และการส่งคำบังคับคดีก็เป็นกระบวนพิจารณาที่ขัดต่อกฎหมายด้วยเหตุผลทำนองเดียวกัน จำเลยที่ ๒ ได้ทราบคำบังคับตามคำพิพากษาในวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๑๓ ซึ่งเป็นวันถูกยึดทรัพย์ นับถึงวันที่ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ยังไม่เกิน ๑๕ วันตามมาตรา ๒๐๘ และไม่ขัดต่อข้อจำกัดยกเว้นตามมาตรา ๒๐๗ ทั้งคดีได้ความขัดโดยข้อเท็จจริงในสำนวนและข้อกฎหมายอยู่แล้วไม่จำต้องมีการไต่สวนต่อไป พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้ใหม่ให้จัดให้จำเลยที่ ๒ ได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยถูกต้องแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าได้ความว่าเมื่อโจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยที่ ๒ ที่บ้านเรือนจำเลยที่ ๒ ไม่ได้เพราะไม่พบตัวจำเลยแล้วโจทก์ได้แถลงต่อศาลยืนยันว่าจำเลยที่ ๒ ที่บ้านเรือนจำเลยที่ ๒ ไม่ได้เพราะไม่พบตัวจำเลยแล้วโจทก์ได้แถลงต่อศาลยืนยันว่าจำเลยที่ ๒ มีภูมิลำเนาอยู่ตามที่ปรากฏในฟ้องและว่าส่วนมากจำเลยที่ ๒ จะอยู่ที่บ้านไม่ค่อยจะได้ไปไหน ตามรายงานเจ้าหน้าที่ก็มิได้ปฏิเสธว่าตำบลที่อยู่ในฟ้องไม่ใช่บ้านเรือนของจำเลยที่ ๒ เมื่อวันไปส่งหมายยังได้พบกับบุตรจำเลยที่ ๒ บุตรจำเลยที่ ๒ ยังบอกว่าจำเลยที่ ๒ ไปธุระที่ตลาดบ้านโป่ง ดังนั้น เมื่อไปส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยที่ ๒ ซึ่งมีตัวอยู่และมีที่อยู่แน่นอนดังกล่าวไม่ได้ จะถือว่ากรณีเป็นเรื่องไม่สามารถจะส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยวิธีธรรมดาได้นั้นยังไม่ชอบ ที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายโดยวิธีธรรมดาจึงเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๗๙ และจะถือว่าจำเลยที่ ๒ ได้ทราบประกาศการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องแล้วโดยผลของกฎหมายไม่ได้ ส่วนการส่งคำบังคับคดีก็ได้กระทำไปโดยทางโฆษณาในหนังสือพิมพ์เช่นเดียวกัน ย่อมถือได้ว่าเป็นกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีที่ขัดต่อกฎหมาย โดยเหตุผลทำนองเดียวกัน
เมื่อพิเคราะห์บทบัญญัติมาตรา ๒๐๘ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้วเห็นว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องก็ดี การส่งคำบังคับก็ดีได้กระทำไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังได้วินิจฉัยแล้ว จำเลยที่ ๒ มีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายใน ๖ เดือนนับแต่วันที่ถูกยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวที่สุดที่กฎหมายให้ไว้ จำเลยที่ ๒ ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในระยะเวลา ๖ เดือนนับแต่วันที่ถูกยึดทรัพย์แล้วที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้ใหม่นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน