แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ผู้ตายซึ่งมีรูปร่างใหญ่โตกว่าจำเลย ถือก้อนหินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2 นิ้วฟุตเศษ หนาราว 1 นิ้วฟุต วิ่งไล่ทำร้ายจำเลย ทำให้ริบฝีปากบนของจำเลยแตกทั้งด้านนอกและด้านใน โลหิตไหล ฟันบนหัก 2 ซี่ จนหินกระเด็นหลุดจากมือผู้ตาย แล้วผู้ตายยังได้ชกจำเลยอีกหลายทีติด ๆ กัน จำเลยจึงชักเหล็กขูดชาร์ฟจากเอวแทงผู้ตายไปหลายที ถือได้ว่าจำเลยไม่มีโอกาสที่จะเลือกแทงผู้ตายให้ถูกที่สำคัญได้ นอกจากกระทำไปเพื่อหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายเท่านั้น ฉะนั้นการกระทำของจำเลยตามพฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยใช้เหล็กขูดชาร์ฟแทงนายเป  รักร่วม  ตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘  และริบเหล็กขูดชาร์ฟของกลาง
จำเลยให้การรับว่าได้ทำร้ายผู้ตายจริง  แต่เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย  พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นและเกินสมควรแก่เหตุ  พิพากษาแก้เป็นว่า  จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘  ประกอบด้วยมาตรา ๖๘, ๖๙  จำคุก ๒ ปี ริบเหล็กขูดชาร์ฟ
จำเลยฎีกาว่า  การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  ผู้ตายซึ่งมีรูปร่างใหญ่โตกว่าจำเลย  ถือก้อนหินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว ๒ นิ้วฟุตเศษ หนาราว ๑ นิ้วฟุต  วิ่งไล่ทำร้ายจำเลย  ถึงกับริมฝีปากบนของจำเลยแตกทั้งด้านนอกและด้านใน  โลหิตไหล  พันบนหัก ๒ ซี่  จนหินกระเด็นหลุดจากมือผู้ตาย  ขณะที่จำเลยรู้สึกบาดเจ็บบาดแผลหน้ามืดอยู่นั้น  ผู้ตายได้ชกจำเลยอีกหลายทีติด ๆ กัน  ทั้งในขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน  การที่จำเลยชักเหล็กขูดชาร์ฟจากเองแทงผู้ตายไปหลายที (ถูกหน้าอกราวนม  ชายโครง  แขนซ้าย  และรายขีดหนังขาดบริเวณหน้าอก ๒ แห่ง)  ในขณะถูกทำร้ายติดพันกันดังกล่าว  จำเลยย่อมไม่มีโอกาสที่จะเลือกแทงผู้ตายให้ถูกที่สำคัญได้  นอกจากจะกระทำไปเพื่อหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายเท่านั้น  ฉะนั้นตามพฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลย  จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

