แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์นำยึดที่ดินทั้งแปลงตามโฉนดเนื้อที่ 79 ไร่ ผู้ร้องขอให้ปล่อยที่ดินบางส่วน เนื้อที่ 29 ไร่เศษ ศาลพิพากษาให้ปล่อยที่ดินทั้งแปลงเนื้อที่ 79 ไร่เศษได้ ในเมื่อฟังได้ว่าจำเลยไม่มีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินในโฉนดนั้นเลย
ย่อยาว
ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องข้อความว่า โจทก์ได้นำยึดที่ดินโฉนดที่ ๘๘๒๕ เนื้อที่ ๗๙ ไร่เศษ ซึ่งเดิมมีชื่อผู้ร้อง จำเลยและผู้อื่นเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้มีชื่อเหล่านี้ได้แยกกันครอบครองเป็นสัดส่วน สำหรับผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินตอนเหนือเนื้อที่ ๒๙ ไร่เศษ มาเกิน ๑๐ ปีแล้ว ต่อมาจำเลยได้โอนขายที่ดินส่วนของจำเลยไป บัดนี้จำเลยไม่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว ขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยที่ดินเฉพาะส่วนของผู้ร้อง
โจทก์คัดค้านว่า จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมด้วย
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ถอนการยึดที่ดินโฉนดที่ ๘๘๒๕
โจทก์อุทธรณ์ข้อหนึ่งว่าศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดที่ ๘๘๒๕ นั้นด้วย แต่จำเลยไม่มีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดนั้นเลย
จึงพิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้นทุกประการ