คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้ปืนลูกซองยาวยิงจากเรือลำหนึ่งไปยังเรือผู้เสียหายกับพวกซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 1 เส้น ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยเจตนา (ฆ่า) แต่ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บไม่ถึงตาย การกระทำของจำเลยจึงไม่บรรลุผล จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
ในกรณีเหตุเกิดในท้องทะเล เมื่อไม่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นในเขตท้องที่ใดแน่ พนักงานสอบสวนท้องที่ที่ผู้เสียหายมาแจ้งย่อมมีอำนาจทำการสอบสวนได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19 (1) และศาลที่ท้องที่สอบสวนนั้นอยู่ในเขตอำนาจ มีอำนาจพิจารณาคดีได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 (1) (2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนลูกซองยาวยิงเข้าไปในเรือยนต์ ช.สินสยาม ๒ หลายนัดกระสุนถูกนายบัว ทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาฆ่านายบัวกับพวกอีก ๑๖ คนซึ่งอยู่ในเรือ เหตุเกิดในเรือยนต์ประมงไทย (ชื่อ ช.สินสยาม ๒) ในทะเลหลวง บริเวณอ่าวไทย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุกจำเลย ๑๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยใช้ปืนยิงไปที่เรืออีกลำหนึ่ง ๖ – ๗ นัด ในระยะที่เรือ ๒ ลำ ห่างกันเพียง๑ เส้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของจำเลย จึงถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยเจตนา (ฆ่า) แต่เนื่องจาก การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผลเพราะนายบังเพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
ที่จำเลยฎีกาว่าที่เกิดเหตุได้ความตามทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องนั้น ได้ความว่าเหตุเกิดในท้องทะเล ไม่แน่ชัดว่าการกระทำผิดเกิดขึ้นในท้องที่ใดแน่เมื่อผู้เสียหายมาแจ้งความพนักงานสอบสวนอำเภอเมืองสมุทรปราการ พนักงานสอบสวนอำเภอเมืองสมุทรปราการจึงมีอำนาจทำการสอบสวนได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙ (๑) และศาลจังหวัดสมุทรปราการจึง มีอำนาจทำการพิจารณาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒ (๑) (๒)
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ จำคุกจำเลย ๑๐ ปี จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลย ๖ ปี ๘ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share