แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทต่างประเทศซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกราชอาณาจักร ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เมื่อบริษัทนั้นมีสาขาสำนักงานในประเทศไทย และหนี้นั้นเป็นหนี้ที่เกิดแต่การที่จำเลยซื้อสินค้าจากสาขาสำนักงานของบริษัท ซึ่งถือได้ว่าบริษัทนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยด้วยตามประมวลกฎฆมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 วรรค 2 การขอรับชำระหนี้ในกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องพิสูจน์ตามเงื่อนไขในมาตรา 178 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากบริษัท หลุยส์ ที. เลียวโนเวนส์ จำกัด โจทก์ ฟ้องนายจังกิมใช้ จำเลย ล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด ต่อมานายเนติ ชุณหกสิการ ผู้รับมอบอำนาจบริษัทโจทก์ ได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีความเห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้ ตามมาตรา ๑๐๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ (โจทก์) เสียทั้งสิ้น ตามมาตรา ๑๐๗ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า บริษัทเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์มีสัญชาติอังกฤษ และจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในประเทศอังกฤษ ทั้งผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนช่วงของบริษัทเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ก็เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ใช่นิติบุคคล ดังนั้น บริษัทเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จึงเป็นเจ้าหนี้ต่างประเทศ และการขอรับชำระหนี้ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งมาตรา ๑๗๘ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ โดยไม่พิสูจน์ว่า เจ้าหนี้ในประเทศไทยก็มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามกฎหมาย และในศาลแห่งประเทศของตนได้ จึงไม่มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์กล่าวว่าโจทก์มีสาขาสำนักงานในประเทศไทยเพื่อประกอบกิจการค้าในประเทศไทย ซึ่งจำเลยมิได้ต่อสู้โต้แย้งเป็นอย่างอื่น และทางพิจารณาในชั้นศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ก็ได้ความจากพยานโจทก์ว่า บริษัทโจทก์มีสาขาสำนักงานอยู่ในประเทศไทยด้วย ฟังได้ว่าบริษัทเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์มีสาขาสำนักงานอยู่ในประเทศไทยซึ่งถือได้ว่ามีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๑ วรรค ๒ ดังนั้น เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จึงมิใช่เจ้าหนี้ต่างประเทศซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกราชอาณาจักรตามมาตรา ๑๗๘ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ ไม่จำต้องพิสูจน์ตามเงื่อนไขในบทบัญญัติมาตรานี้ ทั้งปรากฏว่าเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยถูกต้องตามมาตรา ๙๑ และเป็นเจ้าหนี้รายเดียวที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยลูกหนี้มิได้โต้แย้งประการใด จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ และสมควรอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนตามมาตรา ๑๐๗
พิพากษากลับ เป็นว่า อนุญาตให้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้รับชำระหนี้รายนี้เต็มจำรนวน