แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นนายสนามชนโคได้รับมอบเงินที่ผู้เสียหายวางเดิมพันกันไว้เพื่อมอบให้แก่ฝ่ายชนะ เมื่อโคชนะแล้วผู้เสียหายไปขอรับเงินจากจำเลย แต่จำเลยไม่จ่ายให้โดยอ้างว่าไม่มีเงิน และจะทำสัญญาให้แล้วก็ไม่ทำ เช่นนี้ ถือว่าเป็นการผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น หาเป็นความผิดทางอาญาไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของนายชม นายเอียน นางสง นายวินัย นายเนื่อง และนายประกอบ โดยนายชมกับนายเชียนได้นำโคฝ่ายละหนึ่งตัวมาชนพนันกันในบ่อนของจำเลย โดยมอบเงินเดิมพันของบุคคลดังกล่าวให้จำเลยเป็นผู้เก็บรักษาไว้ โดยตกลงกันว่าหากโคของฝ่ายใดชนะให้จำเลยมอบเงินเดิมพันให้แก่ฝ่ายที่ชนะไป ผลปรากฏว่าโคของนายชม นายแสง และนายเนื่องชนะ คนทั้งสามได้ขอรับเงินจำนวนดังกล่าวจากจำเลยในวันนั้นเอง จำเลยกลับไม่ยอมมอบเงินให้โดยจำเลยเบียดบังยักยอกเอาเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ตนเสีย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๓๕๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่านายสงไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่วินิจฉัยในกรณีของนายสงและฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่จ่ายเงินให้นายชม และนายเนื่องจึงมีความผิด พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓ ให้จำคุก ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยเป็นเพียงคนกลางรับฝากทรัพย์ไว้จ่ายให้เจ้าของโคผู้ชนะเท่านั้น หาใช่เป็นผู้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินอันจำเลยมีหน้าที่ต้องจัดการไม่พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาว่ารูปคดีเป็นคดีแพ่ง ไม่มีมูลทางอาญา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ฎีกาได้แก่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมีเพียงว่า จำเลยเป็นนายสนามชนโคได้รับมอบเงินที่ผู้เสียหายวางเดิมพันกันไว้เพื่อมอบให้แก่ฝ่ายชนะเมื่อโคชนะแล้วเสียหายไปขอรับเงินจากจำเลย แต่จำเลยไม่จ่ายให้โดยอ้างว่าไม่มีเงิน และจะทำสัญญาให้แล้วก็ไม่ทำ เช่นนี้ ถือว่าเป็นการผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น หาเป็นความผิดทางอาญาไม่
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องโจทก์