แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา ผู้พิพากษาดังกล่าวมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกา ศาลชั้นต้นจึงสั่งฎีกาว่า จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า การกระทำความผิดของจำเลยเป็นความผิดครั้งแรก จำเลยได้สำนึกในการกระทำความผิดจึงบรรเทาผลร้ายแห่งคดีโดยได้คืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจและได้ไปทำการขอถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ดังนั้น เพื่อให้โอกาสจำเลยต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ โปรดมีคำสั่งแก้คำสั่งของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเป็นอนุญาตให้จำเลยฎีกาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265,268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 พระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 มาตรา 68,105 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมจำเลยซึ่งเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวเป็นผู้ปลอมเอกสารสิทธินั่นเอง จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง เพียงกระทงเดียว จำคุก 1 ปี ฐานกระทำการเป็นตัวแทนประกันชีวิตโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 มาตรา 68 วรรคหนึ่ง ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 10 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา ผู้พิพากษาดังกล่าวมีคำสั่งไม่อนุญาตศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับฎีกา(อันดับ 68,67)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 71)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เมื่อผู้พิพากษาผู้มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกาย่อมเป็นดุลพินิจอันเด็ดขาดของผู้พิพากษาผู้นั้น ศาลฎีกาไม่อาจก้าวล่วงไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งนั้นได้ ให้ยกคำร้อง