คำสั่งคำร้องที่ 1126/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ทั้งสองเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับโจทก์ทั้งสองเห็นว่า โจทก์ทั้งสองได้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายและพิพากษาโดยฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือจากพยานหลักฐานในสำนวนโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ทั้งสอง ข้อ 2.1 และ 2.2ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 65)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362,365
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลจึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362,365 จำคุก 1 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลย2,000 บาทด้วย โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีถ้าจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 60)
โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 61)

คำสั่ง
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษารอการลงโทษให้จำเลย โดยเห็นว่าตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน หาเป็นการพิพากษาเกินคำขอของจำเลยและเป็นการฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่ จึงไม่มีข้อกฎหมายดังโจทก์ฎีกา ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share