คำสั่งคำร้องที่ 687/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาโจทก์ข้อ 2และข้อ 3เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 จึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า เมื่อคดีนี้อยู่ในระหว่างทำการไต่สวนมูลฟ้องมิใช่การดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นสืบพยานโจทก์จำเลย
โจทก์ย่อมฎีกาได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 และฎีกาข้อ 3 ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาชั้นไต่สวนมูลฟ้องซึ่งให้ศาลทำการไต่สวนเพียงว่าคดีโจทก์พอที่จะรับฟ้องไว้ได้หรือไม่เท่านั้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 49)
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,265,180,83,91ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลความผิด พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 44)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 49)

คำสั่ง
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมา เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คำสั่งศาลชั้นต้นชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share