คำสั่งคำร้องที่ 327/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า 1. อาวุธปืนขนาด 11 ม.ม. มิใช่อาวุธปืนนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง จึงมิใช่อาวุธปืนตามความหมายของมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 25302. ความในวรรคสองของมาตราดังกล่าวระบุไว้ชัดเจนว่ามิให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับแก่ผู้กระทำความผิดระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด ดังนั้นเมื่อมีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฉบับดังกล่าวออกมาใช้บังคับในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยจึงไม่ได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัตินี้ด้วยเหตุผลดังกล่าวทั้งสองประการฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยข้อ 2จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ส่วนฎีกาข้อ 3 เป็นการฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาล เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2530มาตรา 4 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง และมาตรา 3 วรรคหนึ่งแล้ว ปัญหาที่ว่าอาวุธปืนจะอยู่ในเกณฑ์ตามที่กฎกระทรวงฉบับที่ 8 กำหนดหรือไม่นั้น เมื่อกฎหมายนั้นเป็นคุณแก่จำเลยแล้วย่อมต้องใช้กฎหมายนั้นบังคับแก่จำเลยไม่ว่าในทางใด สำหรับฎีกาเรื่องขอให้รอการลงโทษ นั้น เป็นเพียงคำขอประกอบฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งที่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงไม่ชอบ โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิ ฯลฯประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,371 ฯลฯ ฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต จำคุก 1 ปีฐานพกพาอาวุธปืน ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 9 เดือน พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่สมควรรอการลงโทษ ริบของกลาง
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 29)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 30)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าอาวุธปืนขนาด 11 มม. ของกลางในคดีนี้มิใช่อาวุธปืนตามความหมายในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530 และจำเลยได้ถูกดำเนินคดีอยู่ขณะที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ จำเลยจึงมิได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัตินี้ ฎีกาข้อแรกจึงไม่เป็นสาระแก่คดี ส่วนฎีกาที่ขอให้ศาลรอการลงโทษนั้น เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์ของจำเลย

Share