แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิต้องห้ามมิให้ฎีกา ไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์เห็นว่า คดียังไม่ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ เพราะในชั้นอุทธรณ์ โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นนำข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาวินิจฉัย ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งประเด็นนี้ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย โจทก์ย่อมฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 และมาตรา 216 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 37)
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และมาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและสั่งว่าคดีของโจทก์มีมูล ศาลชั้นต้นสั่งว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามกฎหมาย ไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 36)
ทนายโจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 37)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์โจทก์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตาม คำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคท้ายให้ยกคำร้องโจทก์